เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 7 มิ.ย. ที่ห้อง ศปก.สภ.เมืองขอนแก่น พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.สส.ภ.4, พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น, ชุดสืบสวน ภ.จว.ขอนแก่น และชุดสืบสวน บก.สส.ภ.4 เพื่อสรุปผลการสืบสวนสอบสวนหาตัวมือปืนที่บุกยิง นายจอ ชอ อ่อง อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมา เสียชีวิตภายในโรงพยาบาลขอนแก่น ขณะรอเข้ารับการผ่าตัด ที่ตึกอายุรกรรมชาย 6 ชั้น 5 โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังแต่อย่างใด

พล.ต.ต.อนุวัตร กล่าวว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ทำการสืบสวนหาตัวมือปืนมาตั้งแต่หลังเกิดเหตุ แต่ยังไม่มีเบาะแสใดๆ ที่ปรากฏชัดว่าเป็นมือปืนหรือคนต้องสงสัยที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ส่วนการสอบสวนแฟนสาวคนตาย ซึ่งเป็นหญิงสาวชาวไทย อายุ 36 ปี ยอมรับว่า เคยมีสามีเป็นคนไทยมาแล้ว 2 คน และเลิกกันไปนานแล้ว จนกระทั่งปัจจุบันมาคบหาเป็นแฟนกับผู้ตาย เป็นแรงงานต่างด้าวที่มาทำงานในโรงงานเดียวกัน ซึ่งตลอดเวลาที่คบหากัน ก็ไม่เคยมีปัญหากัน และไม่ได้คบซ้อน ไม่ได้มีโลกสองใบ และไม่มีปัญหาเรื่องหนี้สินหรือเรื่องส่วนตัวกับผู้ใด

“ตำรวจชุดสืบสวนได้นำภาพมือปืนที่ได้จากกล้องวงจรปิดของ รพ.ศูนย์ขอนแก่น มาให้แฟนสาวคนตายดูก็ยืนยันว่า ไม่รู้จัก ไม่คุ้นหน้ามือปืน รวมถึงได้มีการสอบสวนอดีตสามีของแฟนสาวคนตายทั้ง 2 คน รูปร่างหน้าตา ก็ไม่ตรงกับมือปืน สรุปว่า คนใกล้ชิดและอดีตสามีของแฟนสาวคนตายไม่เกี่ยวข้องกับการตายของแรงงานเมียนมาในครั้งนี้ แต่ตำรวจก็ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง โดยเฉพาะเรื่องชู้สาว หนี้สิน ยาเสพติด และการทะเลาะวิวาท ซึ่งประเด็นเหล่านี้ เป็นปัญหาใกล้ตัวที่ไม่สามารถตัดทิ้งได้” ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าว

พล.ต.ต.อนุวัตร กล่าวต่ออีกว่า ชุดสืบสวนได้แบ่งการทำงานออกเป็น 5 ชุด ได้ทำการสอบสวนแฟนคนตายและประจักษ์พยานรวมแล้ว 4 คน ก็ยังไม่พบเบาะแสของมือปืน แต่เชื่อว่ามือปืนยังอยู่ในพื้นที่ ยังไม่หลบหนีออกนอกประเทศ และกรณีที่การดูวงจรปิดแล้ว เห็นมือปืนสงบนิ่ง ไม่มีอาการหวาดผวา ใจเย็น ก่อนจะขับรถหลบหนีไป สงสัยว่า เป็นมือปืนอาชีพ ที่รับจ้างมาฆ่านั้น ในจุดนี้ตำรวจก็ไม่ได้ตัดทิ้ง ยังคงสืบสวนต่อไปว่า มือปืนเป็นใคร เป็นต่างด้าวหรือคนไทย ก็ยังต้องสืบสวนต่อไป เพื่อหาตัวมือปืนรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนศพผู้ตายนั้นขณะนี้ ไม่มีเพื่อนหรือญาติมาติดต่อขอรับศพ มีเพียงแฟนสาวคนเดียวที่จะดำเนินการรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี แต่ยังไม่ติดต่อมา เนื่องจากยังให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ อย่างไรก็ตาม สภ.เมืองขอนแก่น ได้มีการตั้งรางวัลนำจับ 50,000 บาท สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมดังกล่าว.