สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ว่านายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำมาเลเซีย เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงและเน้นย้ำสิทธิทางการเมืองให้กับทุกฝ่ายในเมียนมา รวมไปถึงการมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง ตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน และกล่าวถึงความมุ่งมั่นของมาเลเซีย ในการทำงานร่วมกับประเทศอาเซียนและคู่เจรจา เพื่อผลักดันให้เกิดสันติภาพ และกลไกด้านมนุษยธรรมที่มีประสิทธิผล

“ความท้าทายยากลำบากที่เราต้องเผชิญ คือวิกฤติในเมียนมา ซึ่งทำให้เกิดการเสียชีวิต, การพลัดถิ่น และการสู้รบ” นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวปราศรัย ในที่ประชุมโต๊ะกลมเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 37 “สิ่งที่อาเซียนถ่ายทอดออกมา ควรเป็นเสียงที่เป็นเอกภาพ หากประเทศสมาชิกไม่มีเหตุผลที่มากพอ

ความล้มเหลวในการดำเนินการอาจสื่อไปถึง การละเมิดเจตนารมณ์ของกฎบัตรอาเซียน ซึ่งถือเป็นการละทิ้งหน้าที่ทางศีลธรรมของพวกเขา” อันวาร์เชื่อว่า อาเซียนจะต้องอำนวยความสะดวก และให้ความช่วยเหลือแก่เมียนมาด้วยวิธีการต่าง ๆ แต่อาจกระทำได้เมื่อทุกฝ่ายพร้อมเท่านั้น

“แต่นี่ไม่ได้หมายความว่า เราไม่ควรลองใช้เส้นทางที่หลากหลาย และสร้างสรรค์มากขึ้น” เขากล่าวเสริม “ความเป็นไปได้ คือ ระบบที่คล้ายกับสหพันธรัฐ เราไม่มีสถานะในการตัดสินว่า อะไรดีที่สุดสำหรับชาวเมียนมา แต่ก็เป็นหน้าที่ของเรา ในฐานะเพื่อนและเพื่อนบ้านที่จะช่วยอำนวยความสะดวกเท่าที่จะสามารถทำได้” อันวาร์เน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ซึ่งเป็นแนวทางของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ในปี 2568 หลังจากเคยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนมาแล้ว 4 ครั้ง เมื่อปี 2520, 2540, 2548 และ 2558

ฉันทามติ 5 ข้อ ที่ได้รับการลงนามโดยสมาชิกอาเซียนเมื่อปี 2564 เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงทันที และขอให้มีการเจรจาทางการเมืองที่ครอบคลุม อันวาร์กล่าวอีกว่า มาเลเซียจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพและความก้าวหน้า ร่วมกับการรักษาความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งกับจีนและสหรัฐ และย้ำว่า จะไม่ยืนหยัดต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นบนโลก โดยอ้างถึงความขัดแย้งในปาเลสไตน์, ยูเครน และเมียนมา รวมไปถึงวิกฤติการณ์ในซูดาน, อัฟกานิสถาน, เอธิโอเปีย และเฮติ

นอกจากนี้ ผู้นำมาเลเซียย้ำถึง โอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างมาเลเซียกับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด ตลอดจนระยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่มาเลเซียยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีกับสหรัฐ “มาเลเซียรักษาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและประสบผลสำเร็จกับทั้งจีนและสหรัฐ” ในเวลาเดียวกัน “เราจะสานต่อความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิผลและมีความหมาย กับพันธมิตรอื่น ๆ ของเรา ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ที่เก่าแก่ และหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ หรือเป็นพันธมิตรในซีกโลกใต้” อันวาร์ทิ้งท้าย.

เครดิตภาพ : AFP