เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มิ.ย. ที่ ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงาน ป.ป.ส. ดินแดง พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.ตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ปฏิบัติราชการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ รอง ผบก.ปฏิบัติราชการ บก.ตม.1 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม “นายเหงียน ตวน ถัด” หรือ MR.NGUYEN TUAN THANH นักค้ายาเสพติดรายสำคัญของประเทศเวียดนาม มีพฤติการณ์สั่งการให้บุคคลในเครือข่ายผลิตยาเสพติด ก่อนหลบหนีหมายจับมากบดานอยู่ในประเทศไทย โดยการจับกุมครั้งนี้เป็นความร่วมมือแลกเปลี่ยนการปฏิบัติงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกรมตำรวจต่อสู้ยาเสพติดเวียดนาม ซึ่งสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวได้ที่คอนโดมิเนียมหรู ในพื้นที่เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร

โดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า สำหรับการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญของเวียดนาม MR.NGUYEN TUAN THANH (นายเหงียน ตวน ถัด) ที่หลบหนีหมายจับมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกรมตำรวจต่อสู้ยาเสพติด กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ (Counter Narcotics Police Department, Ministry of Public Security) ได้บูรณาการร่วมกันติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ที่คอนโดฯ หรู ในพื้นที่เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร เนื่องมาจาก ป.ป.ส. ได้รับการประสานจากกรมตำรวจต่อสู้ยาเสพติด กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ให้ติดตามหานักค้ายาเสพติดรายสำคัญดังกล่าว ซึ่งผู้ต้องหารายนี้มีพฤติการณ์ในการสั่งการให้บุคคลในเครือข่ายผลิตยาเสพติด และใช้ภรรยาในการดูแลเรื่องธุรกรรมการเงิน โดยก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือน ก.ย. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงฮานอย ได้ขยายผลจับกุมผู้ต้องหา 7 ราย พร้อมของกลาง คือ หญ้าแห้งชุบสารเสพติด ADB-Butinaca (สารคานาบินอยด์สังเคราะห์ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดไทยถือเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1) จำนวน 200 กิโลกรัม โดยผู้ต้องหาทั้ง 7 รายให้การเชื่อมโยงถึงผู้สั่งการ คือ นายเหงียน ตวน ถัด และภรรยา (Miss DINH NGOC THANH HA) ทั้งนี้ เมื่อสืบสวนเพิ่มเติมยังพบว่าภรรยาของนายเหงียน มีพฤติการณ์ช่วยเหลือและทำธุรกรรมการเงินต่าง ๆ และมีประวัติเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยในช่วงเดือน เม.ย. 67

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวอีกว่า ภายหลังสำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับการประสานจากทางการเวียดนาม ตนก็ได้สั่งการให้นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด ติดตามสืบสวนโดยร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อขยายผลสืบสวนเพิ่มเติม ก่อนพบว่านายเหงียน มีการใช้วีซ่าประเภททำงานในประเทศไทย โดยแจ้งเป็นกรรมกร สำนักงาน ป.ป.ส. จึงเร่งสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว กระทั่งสามารถพิสูจน์ทราบบุคคลตามหมายจับ ที่พักอาศัย รวมทั้งพบว่าบุคคลตามหมายจับไม่ได้ประกอบอาชีพตามที่ระบุไว้ในวีซ่า ประกอบกับเป็นบุคคลต่างด้าวได้อยู่ในราชอาณาจักรโดยขัดต่อหลักเกณฑ์ในการขออยู่ต่อ เนื่องจากขออยู่ต่อเพื่อเป็นแรงงานกรรมกร จึงเป็นเหตุให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ดำเนินการยกเลิกวีซ่าของนายเหงียนทันที และในวันเดียวกันนั้น ป.ป.ส. จึงร่วมกับ ตม. และเจ้าหน้าที่กรมตำรวจต่อสู้ยาเสพติดเวียดนาม วางแผนเพื่อดำเนินการจับกุมนายเหงียนในเวลาต่อมา

ด้านนายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. กล่าวว่า การจับกุมนายเหงียนในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือระหว่างทางการไทยและเวียดนาม ส่วนประการสำคัญ คือ สารคานาบินอยด์สังเคราะห์ มีลักษณะการออกฤทธิ์คล้ายกัญชา ซึ่งมีส่วนประกอบจาก ADB-Butinaca โดยตามประมวลกฎหมายยาเสพติดไทยถือเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 มีโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปี และปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยสารตัวนี้ที่เวียดนามจับได้ มันเป็นการนำสาร ADB-Butinaca ไปชุบกับหญ้าแห้งแล้วนำไปขาย หรือนำไปใส่ในน้ำยาสูบบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้คนเกิดการเจ็บป่วยเข้า รพ. หรือเสียชีวิต กระทั่งเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 66 ทางการเวียดนามได้ออกหมายจับนายเหงียน แต่ผู้ต้องหาได้หลบหนีมายังประเทศไทย ป.ป.ส. จึงประสานกับ ตม. จนทราบว่านายเหงียนยังมีวีซ่าในประเทศไทย เป็นวีซ่าทำงานเป็นกรรมกร แต่ในที่พักและการทำงานของเขาไม่ตรงกับวีซ่าที่ขอไว้ ทำให้เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตม. ได้ยกเลิกวีซ่าของนายเหงียน ขณะที่เวียดนามก็ยกเลิกหนังสือเดินทาง เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวได้

นายปฤณ กล่าวอีกว่า กรณีที่เราสืบทราบว่านายเหงียนพักอยู่ที่คอนโดฯ ใน กทม. เพราะมันมีการโอนเงินจากประเทศเวียดนาม เข้ามายังบัญชีของภรรยา เพื่อซื้อคอนโดฯ ด้วยเงินสด 2-3 ล้านบาท ซึ่งภรรยาถือวีซ่าท่องเที่ยว และพักอาศัยอยู่ในห้องคอนโดฯ ด้วยกัน ส่วนเรื่องการไปถือหุ้นหรือเป็นกรรมการในบริษัทใดในไทย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล แต่เบื้องต้นยังไม่พบ ส่วนการผ่องเงินไปยังบุคคลที่สาม ยังไม่พบ เพราะเจอเพียงการรับโอนเงินในบัญชีของภรรยานายเหงียนที่รับเงินจากเครือข่ายในประเทศเวียดนาม เพื่อนำเงินใช้จ่ายในประเทศไทย นอกจากนี้ นายเหงียนถือเป็นคนคิดสูตรผสมสาร และให้ผู้ต้องหาอีก 6 รายที่อยู่ที่เวียดนามเป็นคนผลิตและจำหน่าย และที่สำคัญเรายังไม่พบว่ามีการใช้สาร ADB-Butinaca หรือสารคานาบินอยด์สังเคราะห์ ในสถานบันเทิงภายในประเทศไทยแต่อย่างใด แต่เราจะเฝ้าระวังแน่นอน เพราะเวียดนามอยู่ใกล้กับไทย ทั้งนี้ ยังไม่พบรายงานข้อมูลว่านายเหงียนมีความเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญของไทย

ส่วนขั้นตอนการส่งตัวนายเหงียน กลับประเทศเวียดนามดำเนินคดีนั้น พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.ตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ปฏิบัติราชการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า เคสนี้ ตม. ได้รับการประสานจากสำนักงาน ป.ป.ส. ว่านายเหงียน (ผู้ต้องหา) มีการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย และมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงสั่งการให้ บก.ตม.1 (พื้นที่กรุงเทพฯ) ดำเนินการสืบสวน จึงทำให้พบข้อมูลว่านายเหงียนได้เดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 66 และลงทะเบียนตามมติ ครม. วันที่ 5 ก.ค. 66 เพื่อเป็นแรงงานอยู่ที่จังหวัดชลบุรี และอนุญาตให้ถึงวันที่ 13 ก.พ. 68 ดังนั้น กองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตม. 1 จึงสืบทราบว่านายเหงียนได้พักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมหรูใน กทม. ซึ่งไม่ได้ทำงานตามเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาต จึงแจ้ง บก.ตม.3 เจ้าของพื้นที่ จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินการ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 67 ทาง บก.ตม.3 จึงได้ทำการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวของคนต่างด้าว ตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522

พล.ต.ต.ธนิต กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 67 กองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตม.1 ได้ร่วมกับ ป.ป.ส. พบตัวนายเหงียน ที่คอนโดฯ จึงได้แจ้งการเพิกถอนให้อยู่ในราชอาณาจักร ก่อนนำตัวส่งให้เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตม. ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป.