หากพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำหน้าที่เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว สามารถฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้าน ผิวไม่สม่ำเสมอ ให้กลับมาเนียนนุ่มอีกครั้ง เชื่อว่าคำตอบของใครหลายๆ คนต้องเป็น Moisturizer (มอยเจอร์ไรเซอร์)อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะถามกูรู หรือดูรีวิวจากบิวตี้บล็อกเกอร์คนไหน ในส่วนของขั้นตอนของการเตรียมผิวก่อนเมกอัป และสกินแคร์รูทีนต่างก็แนะนำให้ใช้ Moisturizer เป็นเสียงเดียวกัน และแม้จะมีรีวิวออกมาเยอะ แต่ก็ยังมีคนที่เข้าใจผิดว่า Moisturizer เหมาะกับคนที่มีผิวแห้งเท่านั้น ไม่เหมาะกับสภาพผิวอื่นๆ ซึ่งขอบอกเลยว่า ไม่เป็นความจริง เพราะความชุ่มชื้นเป็นปัจจัยสำคัญที่เสริมให้ผิวแข็งแรงและมีความจำเป็นต่อทุกสภาพผิว อีกทั้งปัจจุบันก็มี Moisturizer หลากหลายรูปแบบให้เลือก สำหรับใครที่กำลังมองหา Moisturizer ไว้ใช้ในทุกๆ วัน ไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี ชวนมาดูวิธีการเลือกในบทความนี้ได้เลย


Moisturizer คืออะไร

Moisturizer (มอยเจอร์ไรเซอร์) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยฟื้นฟูผิวแห้งกร้าน เสริมให้ผิวแข็งแรง ปกป้องผิวจากสิ่งสกปรกภายนอก ส่งผลให้ริ้วรอยบนผิวดูตื้นขึ้น ที่สำคัญยังช่วยปรับสภาพผิวหน้าก่อนลงเมกอัปด้วย เพราะผิวที่มีความชุ่มชื้นจะทำให้เครื่องสำอางติดผิวหน้าได้ดีขึ้น แต่งแล้วไม่เป็นคราบ แก้ปัญหาผิวหน้าลอกเป็นขุยได้ด้วยนั่นเอง


ใน Moisturizer มีส่วนผสมอะไรบ้าง

เคยสงสัยไหม ทำไม Moisturizer ถึงสามารถเติมความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวแห้งกร้านได้ แถมยังช่วยบำรุงผิวให้เรียบเนียน แลดูสุขภาพดีขึ้นอีก? ตามมาเช็กส่วนผสมหลักๆ ที่มักจะมีใน Moisturizer กัน

1) สารปิดกั้นไม่ให้น้ำซึมผ่าน (Occlusive) ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น

สารปิดกั้นไม่ให้น้ำซึมผ่าน (Occlusive) จะออกฤทธิ์ปิดกั้นไม่ให้น้ำซึมผ่าน เมื่อเรานำมาทาหรือชะโลมบนผิวก็จะกระจายตัวออกมาคลุมผิวพรรณเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ กันไม่ให้น้ำภายในผิวเราซึมออกไปภายนอก จึงสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี โดยทั่วไปสารกลุ่มนี้จะมีเนื้อหนัก เช่น สารสกัดน้ำมันธรรมชาติ (Natural Oil) วิตามิน E (Tocopherol) Squalane และ Cholesterol เป็นต้น

2) สารที่ช่วยดูดซับน้ำ (Humectant) ดึงดูดความชุ่มชื้นเข้าสู่ชั้นผิว

Moisturizer กลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง โดยการดึงดูดความชื้นและน้ำจากภายนอกเข้าสู่ผิว เช่นเดียวกับสารประเภท Hyaluronic Acid, Glycerin, Betaine, Panthenol และ Collagen เป็นต้น ข้อควรระวังของสารกลุ่มนี้ คือ หากสภาวะอากาศมีความแห้งมาก สาร Humectant จะทำงานกลับกัน คือจะดึงนั้นจากชั้นผิวของเราออกมาแทน ดังนั้น Moisturizer จึงควรมีสาร Humectant และ Occlusive ให้สามารถทำงานควบคู่กันได้นั่นเอง

3) สารออกฤทธิ์ชนิดอื่นๆ เสริมให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

Moisturizer หลายๆ ชนิดจะมีการเพิ่มสารออกฤทธิ์ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติบำรุงผิวและแก้ไขปัญหาผิวให้ได้มากขึ้น ซึ่งสารออกฤทธิ์ที่ได้รับความนิยม เช่น Emollients ที่มีส่วนช่วยเติมร่องผิวและเคลือบผิว ให้ผิวนุ่มและเรียบเนียนขึ้น รวมถึงสารที่มีส่วนช่วยกันแดด สารที่มีส่วนช่วยผลัดเซลล์ผิว รวมถึงสารที่ช่วยปรับระดับสีผิวให้สว่างขึ้น อย่างวิตามิน C, E, และ Niacinamide เป็นต้น


วิธีการเลือก Moisturizer ให้เหมาะกับสภาพผิว

Moisturizer ที่ดี เหมาะกับใช้ทุกๆ วัน ควรมีคุณสมบัติหลัก คือ ลดการสูญเสียน้ำจากผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียนขึ้น สามารถดูดซึมได้เร็วและออกฤทธิ์ได้ทันที ซึ่งนอกจากการเช็กคุณสมบัติเหล่านี้แล้ว ‘การเลือก Moisturizer ให้เหมาะกับสภาพผิว’ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะผิวแต่ละประเภท มีความต้องการผลิตภัณฑ์และสารสกัดที่ช่วยฟื้นฟูปัญหาผิวต่างกัน หากเลือกผิด หรือไม่เหมาะสมกับสภาพผิว อาจทำให้การทา Moisturizer มีประสิทธิภาพไม่ดีพอ แถมเสี่ยงต่ออาการการแพ้ด้วย มาดูวิธีการเลือก Moisturizer ให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละแบบกันเลย

Moisturizer ที่เหมาะกับกลุ่มผิวแห้ง

กลุ่มผิวแห้ง จะมีลักษณะผิวที่ค่อนข้างแห้งและขาดน้ำ มักจะเกิดขุยและแห้งลอกได้ หากผิวไม่มีความชุ่มชื้น จึงเป็นกลุ่มผิวที่เหมาะกับการใช้ Moisturizer มากที่สุด และควรเลือกใช้เป็นสูตรเข้มข้น หรือมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก เช่น Moisturizer แบบเนื้อครีม เนื้ออิมัลชัน หรือเนื้อเซรั่ม เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ให้สกินแคร์หรือครีมบำรุงตัวอื่นๆ ซึมลงเข้าไปในผิวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่ต้องการเมกอัป ต้องลงรองพื้น หรือแป้งเพื่อเพิ่มความเรียบเนียน

Moisturizer ที่เหมาะกับกลุ่มผิวมัน

กลุ่มผิวมัน จะมีลักษณะผิวที่มีความมันวาว และมีน้ำมันส่วนเกินบนผิวหน้ามากกว่าปกติ และเป็นสิวได้ง่ายกว่าผิวชนิดอื่นๆ เมื่อผิวหน้ามีน้ำมันออกมา ทำให้หลายคนมักจะเข้าใจผิด ว่าผิวตัวเองไม่ต้องการผลิตภัณฑ์เติมความชุ่มชื้นให้กับผิวเพิ่มแล้ว เพราะกลัวจะทำให้หน้ามันมากกว่าเดิม ซึ่งจริงๆ แล้ว Moisturizer ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผิวมันไม่น้อยไปกว่ากลุ่มผิวแห้งเลย เพราะผิวที่ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป อาจทำให้เซลล์ผิวภายในขาดความชุ่มชื้นด้วยเช่นกัน และเป็นบ่อเกิดของปัญหาสิว และริ้วรอยต่างๆ ขึ้นมาได้ โดย Moisturizer ที่เหมาะกับกลุ่มผิวมัน ควรใช้เป็น Moisturizer ชนิดน้ำแบบโลชั่นเหลวๆ เลือก Moisturizer แบบเนื้อบางเบา เพื่อไม่ทำให้ผิวมันเพิ่ม หรือเกิดการอุดตันนั่นเอง

Moisturizer ที่เหมาะกับกลุ่มผิวผสม

กลุ่มผิวผสม จะมีลักษณะผิวที่มีทั้งความแห้งและความมันผสมอยู่ด้วยกันบนผิวมัน ช่วงที่ผิวมันมักจะเป็นช่วง T-Zone ได้แก่ บริเวณหน้าผาก จมูก และคาง ส่วนบริเวณอื่นๆ มักจะมีความแห้ง ขาดน้ำ เพราะผิวมีทั้งสองลักษณะทำให้ในบางครั้งกลุ่มผิวมันอาจเลือกใช้สกินแคร์หรือบำรุงผิวค่อนข้างยาก ในส่วนของ Moisturizer แนะนำให้เลือกเป็นชนิดเนื้อผสมที่เป็นเนื้อโลชั่นกึ่งครีม ไม่ให้หนักผิวจนเกินไป หรือเข้มข้นสูงจนเพิ่มความมันมากกว่าเดิม หรือหากเกรงว่าจะให้ผลลัพธ์ผิวที่ไม่ดีพอ อาจเลือก Moisturizer สองชนิด คือใช้แบบเหมาะกับกลุ่มผิวมันในช่วง T-Zone และใช้แบบเข้มข้น เหมาะกับผิวแห้งในบริเวณอื่นๆ ทั้งนี้อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูง และหากเนื้อผสมกันอาจทำให้เสี่ยงต่อการแพ้Moisturizerได้

Moisturizerที่เหมาะกับกลุ่มผิวแพ้ง่าย

กลุ่มผิวแพ้ง่ายที่ผิวมีความบอบบาง มักจะเกิดสิว และเกิดปัญหาผิวได้ค่อนข้างง่าย แต่ก็สามารถใช้ Moisturizer เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้เช่นเดียวกัน แต่อาจจะต้องให้ความสำคัญกับการเลือกสารสกัด เลือกแบบที่มีความอ่อนโยนสูงเป็นพิเศษ ช่วยปลอบประโลมผิว เนื้อมีความบางเบา ไม่ก่อให้เกิดให้เกิดการอุดตัน เช่น Moisturizer ชนิดเซรั่มเนื้อบางเบา หรือชนิดเนื้อเจล เป็นต้น

Moisturizer (มอยเจอร์ไรเซอร์) เป็นไอเทมเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวที่เหมาะกับทุกๆ สภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสมที่สามารถใช้ได้ทุกๆ วัน โดยประกอบด้วยสารสกัดที่ทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้นช่วยเสริมให้ผิวแข็งแรง ป้องกันผิวแห้ง เสริมให้ผิวเรียบเนียน และดูสุขภาพดีมากขึ้น ทั้งยังช่วยให้เมกอัปติดทน แต่งหน้าแล้วไม่หยา ไม่เป็นคราบด้วย ทั้งนี้ควรให้ความสำคัญกับการเลือก Moisturizer ให้เหมาะกับแต่ละสภาพผิวเพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด และหลีกเลี่ยงปัญหาผิวอื่นๆ ที่อาจตามมาได้นั่นเอง

และนอกจากการใช้ Moisturizer เป็นประจำทุกวัน การทำหัตถการผิวพรรณด้วยการฉีดฟิลเลอร์ที่มี ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกและกลีเซอรอล (Glycerol) อย่าง Belotero Revive เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยเติมความชุ่มให้กับผิว เสริมให้ผิวดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว แลดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังให้ผลลัพธ์ยาวนานกว่า 9 เดือน หากมีการเติมเต็มอย่างสม่ำเสมอ ใครที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวหมองคล้ำ อยากฟื้นคืนให้ผิวกลับมาชุ่มชื้นแบบเร่งด่วน ที่ Better Me Clinic By Dr.Chanya คลินิกศัลยกรรมตกแต่งเสริมความงาม มีบริการทำ Belotero Revive โดยแพทย์มากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาและการบริการอย่างน่าประทับใจ ช่วยให้ทุกคนมีผิวพรรณและใบหน้าเรียบเนียน กระจ่างใส อัปความมั่นใจให้เต็มที่แน่นอน

ติดต่อ | สอบถามเพิ่มเติม
Line: @bettermeclinic
โทร. 02-059-8118,088-603-2641
Facebook | Instagram: Better Me Clinic by Dr.Chanya