เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ศูนย์เรียนรู้เกษตรทฤษฏีใหม่ ต.ทัพทัน อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี นายเรืองพจน์ ธารานาถ ผอ.สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยสำนักงานเกษตรจังหวัดอุทัยธานี จัดงานรณรงค์เพื่อสร้างการรับรู้การขึ้นทะเบียนเกษตรกรและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ระดับเขต ประจำปี 2567 โดยมีประธานกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ 17 จังหวัดภาคเหนือ และแกนนำเกษตรกร เข้าร่วมงาน ภายในงานจัดให้มีกิจกรรมการเสวนา “ขึ้นทะเบียนเกษตรกร รักษาสิทธิ รับโอกาสและการช่วยเหลือภาครัฐ” การจัดนิทรรศการการขึ้นทะเบียนเกษตรกรและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร

นายเรืองพจน์ กล่าวว่า ในปี 2567 กรมส่งเสริมการเกษตรเน้นการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรทำการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ซึ่งถือว่ามีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อทั้งตัวเกษตรกรเองอย่างยิ่งในการให้การดูแลและช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งปัญหาหลักๆ ที่เราพบกันอยู่ ณ ปัจจุบันนี้คือ ประชาชนยังให้ความสนใจการขึ้นทะเบียนเกษตรกรน้อย เพราะยังมีความเชื่อว่าจะถูกนำข้อมูลไปขึ้นทะเบียนการเสียภาษี จึงทำให้เกษตรกรกลุ่มนี้ เสียสิทธิในการที่จะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐ อย่างเช่น กรณีที่พี่น้องเกษตรกร ประสบภัยพิบัติ วาตภัย อุทกภัย อัคคีภัย ที่ได้รับความเสียหายต่างๆโดยสิ้นเชิง เมื่อไม่ได้ทำการขึ้นทะเบียนเกษตร ตรงส่วนนี้ทางภาครัฐ ก็จะไม่สามารถดำเนินการให้การช่วยเหลือได้

นอกจากที่ภาครัฐจะสามารถให้ความช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวข้างต้นได้แล้วนั้น ยังสามารถนำข้อมูลไปวางแผนการทำการเกษตรฤดูกาลถัดไปแล้วนั้น เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนยังมีสิทธิเข้าถึงสวัสดิการด้านเกษตร ได้แก่ การช่วยเหลือภัยพิบัติด้านพืช การเข้าร่วมการประกันภัยพืชผลซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการหรือมาตรการนั้นๆ ตลอดจนการเข้าร่วมโครงการมาตรการภาครัฐอื่นๆ และการพัฒนาความรู้และทักษะด้านอาชีพ ส่วนภาครัฐก็สามารถนำข้อมูลไปวางแผนพัฒนาการเกษตร การจัดการด้านการผลิตและการตลาด การส่งเสริม และสนับสนุน การให้ความช่วยเหลือเกษตรกร

กรมส่งเสริมการเกษตรจึงขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรไทยทุกท่านที่ทำการเพาะปลูกแล้ว 15 วัน แจ้งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรทุกครั้งที่มีการเพาะปลูก ไม้ผลหรือไม้ยืนต้น ปลูกแล้ว 30 วันหากยังยืนต้น ให้แจ้งปรับปรุงข้อมูลทุกปีรอบการขึ้นทะเบียน ให้ตรงตามความเป็นจริงและปัจจุบัน เพื่อรักษาสิทธิ์และโอกาสที่จะได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยสามารถแจ้งได้ที่ ศูนย์บริการเกษตรพิรุณราช ณ สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง นายเรืองพจน์ กล่าวและว่า

“จากผลการดำเนินการที่ผ่านมา เกษตรกรได้รับการช่วยเหลือตามโครงการและมาตรการภาครัฐครอบคลุมทั้งประเทศ เช่น การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านพืช มากกว่า 4 แสนครัวเรือนต่อปี วงเงินช่วยเหลือ 6 พันล้านบาท, โครงการประกันภัยพืชผล มากกว่า 1 แสนครัวเรือนต่อปี วงเงิน 1 พันล้านบาท, โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4.6 ล้านครัวเรือนต่อปี วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท”

ด้านนายเสน่ห์ แสงคํา เกษตรจังหวัดอุทัยธานี กล่าวว่า มีประชากร 323,860 คน 117,767 ครัวเรือน เป็นครัวเรือนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร จำนวน 40,548 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 34.43 ของครัวเรือนทั้งหมด โดยมีพื้นที่เกษตรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรแล้ว 1,188,993.46 ไร่ พื้นที่เกษตรส่วนใหญ่มีการทำนาและปลูกพืชไร่เป็นหลัก ผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญของจังหวัด ได้แก่ ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และสับปะรดโรงงาน

“ขณะนี้ เมื่อเทียบระหว่างช่วงเดือนเดียวกันกับปีที่แล้ว มีเกษตรกรที่เดินทางมาขึ้นทะเบียนกันจำนวนมาก และคาดว่าจะมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากจังหวัดอุทัยธานีประสบกับสภาวะภัยแล้งที่ยาวนาน และในช่วงนี้เกษตรกรเริ่มที่จะเริ่มปลูกพืชผลทางการเกษตรได้แล้วเนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝน ประกอบกับเกษตรกรเริ่มตระตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญของการขึ้นทะเบียนเกษตรกร คาดว่า การขึ้นทะเบียนเกษตรกรและการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร จะเริ่มมากขึ้นตามลำดับ”