เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่กระทรวงมหาดไทย  น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้เปิดโอกาสให้ผู้แทนจากสำนักงานหลักประกันสุขแห่งชาติ (สปสช.) นำโดยนางยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และผู้แทนเครือข่ายภาคประชาสังคม เข้าหารือแนวทางการเร่งให้ความช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาการเข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพแก่กลุ่มคนไทยที่มีปัญหาสิทธิสถานะทางสัญชาติ ซึ่งมีการดำเนินการบางส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจงานทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยมีนายราชันย์ ซุ้นหั้ว รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ในการหารือ นายอนุทิน พร้อมผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ได้รับฟังข้อมูลปัญหาที่ สปสช. และภาคประชาสังคมพบจากการดำเนินการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่มีปัญหาสถานะสัญชาติ พร้อมข้อเสนอแนะที่ต้องการให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยช่วยเหลือแก้ไข อาทิ การปรับกฎระเบียบ ขั้นตอนที่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการพิสูจน์สัญชาติ ซึ่งนายอนุทินได้ให้นโยบายเพื่อให้การช่วยเหลือทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว โดยขอให้ทุกขั้นตอนดำเนินการด้วยความรอบคอบและเป็นไปตามกฎหมาย

นายอนุทิน กล่าวว่า ได้รับทราบปัญหาแล้ว โดยในรายละเอียดการแก้ไขได้ให้กรมการปกครอง สปสช. และผู้แทนภาคประชาสังคมตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อหารือและดำเนินการในทางปฏิบัติต่อไป โดยกระทรวงมหาดไทยเห็นความสำคัญการทำงานข่ายภาคประชาสังคมซึ่งเป็นตัวแทนของภาคประชาชนในการสะท้อนให้หน่วยงานราชการได้รับทราบปัญหาต่างๆ ซึ่งในเบื้องต้นทางกรมการปกครองระบุว่าสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ไม่ต้องดำเนินการเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น ซึ่งเชื่อว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขโดยเร็วได้

ทั้งนี้ การหารือทุกฝ่ายมีหลักการเดียวกันคือการช่วยเหลือคนที่มีสิทธิและได้รับผลกระทบจากขั้นตอนต่างๆ โดยจะมีการคัดแยกกลุ่มคนให้ชัดเจน อาทิ กลุ่มคนมีสิทธิ ไม่มีสิทธิ หรือกลุ่มเทาๆ เพื่อการช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเรื่องนี้ต้องยอมรับว่าการให้สิทธิสถานะแก่บุคคลยังมีปัญหาอยู่ โดยมีอยู่กว่า 4 แสนคน ที่ยังมีปัญหาสัญชาติ แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องมีกระบวนการพิจารณาอย่างรอบคอบ เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา

“ผมขอแค่ว่า ถ้าเป็นผู้มีสิทธิขอให้ได้สิทธินั้นตามกำเนิด แต่อย่าให้มีการสวมสิทธิ สวมรอยเทาๆ หรือสวมหน้ากากมา แบบนี้ไม่เอา เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวกับคนเป็นแสน ถ้าเราทำอะไรแบบไม่รอบคอบจะเกิดผลกระทบตามมาได้ ซึ่งผมไม่ได้ห่วงตัวผมหรอก เพียงแต่ว่าหากสิ่งเหล่านี้ถูกเอาเข้ามาอย่างไม่ระมัดระวัง ต่อไปจะไม่มีใครกล้าทำ ผลไม่ดีจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ยังมีปัญหาสิทธิสถานะเอง อันนี้คือนโยบายที่ผมได้ให้กับทางปกครอง ซึ่งถามท่านแล้วท่านบอกว่าทำได้และตั้งใจให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว” นายอนุทิน กล่าว.