เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจส่วนกลาง เกาะติดการแก้ปัญหานายทุนต่างชาติ-นอมินี รุกพื้นที่เขาบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้สัมภาษณ์ นายสากล ใจมั่น อุปนายกสมาคมสมุยและกรรมการเครือข่ายพลเมืองสมุย กล่าวว่า ที่ผ่านมา สมาคมสมุยได้มีความพยายามในการเรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามา แก้ไขปัญหาและจัดระเบียบการบุกรุกที่ดินของรัฐ รวมถึงจัดระเบียบให้ผู้ประกอบการชาวต่างชาติอยู่ในกรอบ แต่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขให้เป็นรูปธรรม โดยก่อนหน้านี้ เรามีความหวังในรัฐบาลยุค คสช. ซึ่งทางสมาคมสมุย เคยเข้าร้องเรียนในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะนั้นถืออำนาจเบ็ดเสร็จให้มีการตรวจสอบการบุกรุกทำลายป่าไม้ ซึ่งก็พบว่ามีหน่วย กอ.รมน. เข้ามาดำเนินการตั้งแต่ปี 62 แต่ก็ยังมีการบุกรุกทำลายอย่างต่อเนื่อง

“เท่าที่ตนได้ติดตามการเข้ามาแก้ไขปัญหาการถือครองที่ดินและการประกอบธุรกิจของชาวต่างด้าวบนเกาะสมุย ของ กอ.รมน.ภาค 4 ในครั้งนี้พบว่าได้มีการวางแผนการทำงานที่ครอบคลุม มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหา และดำเนินการกับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่จะทำให้การจัดระเบียบของเกาะสมุยให้อยู่ในกรอบ ไม่ให้มีปัญหาบานปลายและเรื้อรัง และนำมาซึ่งผลประโยชน์ของท้องถิ่นและประเทศชาติ”

นายสากล กล่าวด้วยว่า ตนมองว่าปัญหาของสมุยที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งก็มาจากคนในพื้นที่บางส่วน ที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำลายเริ่มจากการบุกรุกที่ดินของรัฐแล้วนำไปออกเอกสารสิทธิขายให้กับนักลงทุน ทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย เราเห็นแก่ประโยชน์ในเรื่องเม็ดเงิน จนลืมไปว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาที่เกาะสมุย เพราะเขาต้องการธรรมชาติ ต้องการชายหาดที่สะอาด ต้องการดูปะการังที่สวยงาม แต่ทุกวันนี้สิ่งเหล่านี้กำลังจะหายไปจากสมุย ภูเขาหลายลูกถูกทำลาย และมีสิ่งก่อสร้างเป็นวิลล่าและโรงแรมหรู และตนเชื่อว่าสิ่งปลูกสร้างที่เป็นโรงแรมและวิลล่าบนภูเขาไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายไทย แต่กลับกอบโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าของตัวเอง ทิ้งซากของความเสียหายไว้ให้ลูกหลานคนเกาะสมุยรับเป็นมรดกสืบทอดไป มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องช่วยกันปกป้องและรักษาทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นสมบัติของชาติให้เป็นมรดกที่ดีงามกับลูกหลานในวันข้างหน้า

อย่างไรก็ตามทีมข่าวเฉพาะกิจส่วนกลาง รายงานด้วยว่าในการกำหนดจุดเข้าตรวจสอบ ผู้กระทำผิดและแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินและการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย 1 ใน 6 จุด เป็นโครงการก่อสร้างวิลล่าบนเขาละไม ต.ละไม ของ ‘ทุนใหญ่ชาวจีน’ ซึ่งคณะผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ร่วมกับ กอ.รมน.ภาค 4 เคยเข้าตรวจสอบเมื่อเดือนมกราคม 2563 หลังได้รับการร้องเรียนว่าโครงการดังกล่าว มีการก่อสร้างอาคารผิดแบบและก่อสร้างอาคารบนที่ลาดชัน โดยในการเข้าตรวจสอบครั้งนั้น ได้มีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง แต่ปัจจุบันพบว่า ยังคงมีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้เกรงกลัวคำสั่งทางปกครอง จนทำให้ล่าสุดมีการก่อสร้างเต็มพื้นที่ คาดว่าจะมีมูลค่าทั้งโครงการไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท สร้างอยู่บนสันเขาละไม เนื้อที่กว่า 16 ไร่ โดยใช้ใบอนุญาตก่อสร้างบ้านพักอาศัยและเช่าพัก

สำหรับบริษัทฯ ดังกล่าว ทีมสืบสวนตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ก่อตั้งในปี 2561 ด้วยทุน 4 ล้านบาท ตั้งอยู่ในพื้นที่บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี แจ้งประกอบกิจการซื้อ ขาย เช่า ให้เช่าที่ดิน ที่พักอาศัย และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ มีกรรมการบริษัทเป็นผู้หญิงสัญชาติจีน ร่วมกับชาวไทยอีก 2 ราย ในปี 2562 แจ้งมีรายได้รวม 21 ล้านบาทเศษ เป็นกำไร 2 ล้านบาท จ่ายภาษีเงินได้ 130,000 บาทเศษ ต่อมาได้รับผลกระทบจากช่วงโควิด เหลือรายได้ปีละ 1-2 ล้านบาทเศษ เกณฑ์ไม่ถึงขั้นต้องเสียภาษี จนมาถึงปัจจุบัน