เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา ที่มีนายกล้านรงค์ จันทิก สว. เป็นประธาน กมธ. ได้นัดประชุม วันที่ 6 มิ.ย. โดยมีวาระพิจารณากระบวนการเลือก สว. โดยเชิญเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าร่วมประชุม

นายกษิดิศ อาชวคุณ สว. ในฐานะโฆษก กมธ.กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ว่า เรามีประเด็นที่ต้องการสะท้อนไปยัง กกต. เพราะมีประชาชนในพื้นที่ต่างๆ สะท้อนปัญหาการเลือก สว. ในหลายประเด็น รวมถึงกติกา กฎระเบียบของ กกต. ทั้งนี้จากการลงพื้นที่หลายจังหวัด ทั้ง จ.นครนายก ชลบุรี และจังหวัดภาคใต้ ได้รับทราบข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่ตามที่ปรากฏเป็นข่าว ทั้งการฮั้ว การส่งตัวแทนเพื่อให้โหวตพวกเดียวกัน ทำให้คนที่มีศักยภาพและตั้งใจจะเป็น สว. อาจไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีประเด็นเรื่องโพยก๊วนฮั้ว สว. จะต้องหารือกับ เลขาฯ กกต. อย่างไร นายกษิดิศ กล่าวว่า ต้องสอบถาม กกต. ว่าจะจัดการปัญหาดังกล่าวอย่างไร ทั้งนี้ กมธ. และอนุ กมธ. ที่ติดตามเรื่องดังกล่าว ได้ติดตามปัญหาทุกสัปดาห์และสะท้อนในประเด็นข้อห่วงใยให้ กกต. ไปพิจารณาดำเนินการ 

เมื่อถามว่า มีข้อเสนอแนะให้ กกต. ทำอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดกระบวนการล้มกระดานเลือก สว. นายกษิดิศ กล่าวว่า ตนให้ความเห็นว่า ต้องมีมาตรการป้องกัน โดยให้ส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าร่วมทำงานกับ กกต. เป็นหูเป็นตา ในฐานะเป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่ มีข้อมูล รวมถึงวางมาตรการป้องปราม การทุจริตก่อนที่จะเกิดขึ้นไม่ใช่ปล่อยให้เกิดขึ้น เพราะการเลือก สว. เป็นเหมือนพีระมิด หากปล่อยให้ไปสู่จุดสูงสุด ขณะที่ฐานได้คนไม่บริสุทธิ์แล้ว อาจได้ สว. ที่ไม่เป็นตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

“สว. ไม่มีอำนาจไปสั่ง แต่ได้แสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์ เพราะได้ทราบปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนการล้มนั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก กกต. ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะ กกต. ไม่ได้ทำงานในหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งที่มีผู้ให้คำแนะนำ ที่เป็นประโยชน์ แต่ กกต. ละเลย กกต. ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพน้อย ดังนั้นหากมีกระบวนการล้มจากที่ฟังกระแส และข้อมูลต่างๆ ทั่วประเทศ จะเกิดสิ่งไม่ดีขึ้น กลายเป็นความล้มเหลวที่จะได้ สว. ปฏิบัติหน้าที่ตามเจตนาของรัฐธรรมนูญ” นายกษิดิศ กล่าว

เมื่อถามถึงประเด็นที่ว่าที่ผู้สมัคร สว.นครศรีธรรมราช ถูกตัดสิทธิและเปิดเผยว่าถูกว่าจ้างให้ลงสมัคร โดยได้ค่าจ้าง 2,500 บาท ถือเป็นลางบอกเหตุอะไรหรือไม่ นายกษิดิศ กล่าวว่า ไม่ได้มีเฉพาะที่ จ.นครศรีธรรมราช เพราะเครือข่ายนี้ เขาเชื่อมโยงกันหมด และมีทั่วไป มีบางพื้นที่เขาให้เงินมากกว่านั้น หลักหมื่นบาท และข้อเสนอต่างๆ ให้กับผู้ที่เข้าไปช่วย ถือเป็นสัญญาณอันตรายมากที่สุด

“ผมพร้อมบอกข้อมูลกับ กกต. ในทางลับ เพื่อให้ กกต. แก้ไขให้ทันเวลาก่อนจะถึงเวลาเลือกระดับอำเภอ ส่วนผู้ที่ให้ข้อมูลมา หากเขาอยากให้ข้อมูลโดยตรงกับ กกต.​ จะติดต่อให้เขามาสะท้อนให้ กกต. ฟัง ว่ามีเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลจำนวนมาก แต่มีบางคนที่กลัว ไม่กล้าเปิดตัวก็มี” นายกษิดิศ กล่าว.