สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ว่า ผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งประธานาธิบดีเม็กซิโก ซึ่งมีการลงคะแนนเมื่อวันอาทิตย์ บ่งชี้ว่า นางคลอเดีย ไชน์บาว์ม อดีตนายกเทศมนตรีกรุงเม็กซิโกซิตี ลงสมัครในนามพรรคโมเรนา ที่เป็นพรรครัฐบาลชุดปัจจุบัน ของประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนประมาณ 58%

TODAY


ขณะที่นางโซชิต กาลเวซ วุฒิสมาชิกและนักธุรกิจซึ่งมีเชื้อสายชาติพันธุ์ และเป็นคู่แข่งคนสำคัญของไชน์บาว์ม โดยลงสมัครในฐานะตัวแทนพรรคอนุรักษนิยม ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนประมาณ 29%


ส่วนผู้สมัครที่เป็นชายเพียงคนเดียวในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือนายฆอร์เก อัลบาเรซ เมย์เนซ ตัวแทนจากพรรคพลเมืองซึ่งเป็นพรรคสายกลาง ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนประมาณ 11%


ทั้งนี้ หากผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการสอดคล้องกับเอ็กซิตโพล ไชน์บาว์ม วัย 61 ปี จะสร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศ และรับตำแหน่งผู้นำเม็กซิโกคนที่ 66 ต่อจาก โลเปซ โอบราดอร์ ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปีตามรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 1 ธ.ค. นี้


ปัจจุบัน เม็กซิโกมีประชากรราว 129 ล้านคน และมีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเกือบ 100 ล้านคน โดยมีการคาดการณ์ว่า ผู้หญิงจะตื่นตัวออกมาใช้สิทธิมากกว่าปกติ ท่ามกลางความคาดหวังเรื่องการยกระดับสิทธิสตรี และการปราบปรามอาชญากรรมต่อสตรี


ขณะเดียวกัน สังคมเม็กซิโกยังคงมีความหวังในระดับสูง กับการให้ผู้นำคนใหม่เพิ่มความจริงจังในการปราบปรามแก๊งค้ายาเสพติดในประเทศ ที่มีอิทธิพลเป็นวงกว้างรวมถึงในทางการเมือง โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ 500 ที่นั่ง และวุฒิสมาชิกชุดใหม่ 128 ที่นั่ง แต่ตลอดช่วงหาเสียง มีรายงานผู้สมัครหลายคนถูกสังหาร


นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่ชาวเม็กซิโกส่วนใหญ่ยังคงจับตา โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้านทางเหนือ คือ สหรัฐ ซึ่งทั้งสองประเทศ มีทั้งความร่วมมือและความขัดแย้ง เกี่ยวกับการจัดการผู้อพยพ และการปราบปรามการค้ายาเสพติด.

เครดิตภาพ : AFP