เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. นายนพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับกรรมาธิการการต่างประเทศ (กมธ.) ได้พบปะหารือกับผู้แทนนักการทูตระดับสูงของประเทศฝรั่งเศส ที่ดูแลภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในโอกาสเยือนไทย ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและฝรั่งเศสร่วม 170 ปี จะทำให้ความร่วมมือทวิภาคีหลายๆ ด้าน เช่น ด้านพลังงานสะอาด การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศและอื่นๆ แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนั้น กมธ.กังวลปัญหาการสู้รบในเมียนมา ที่มีผลกระทบต่อประเทศไทยซึ่ง กมธ.เคยเสนอให้ไทยเป็นหัวหอกร่วมกับอาเซียน จีนและอินเดีย ผลักดันการยุติการสู้รบและสร้างสันติภาพในเมียนมา ซึ่งในการหารือนี้ ทางฝรั่งเศสได้สนใจปัญหาในเมียนมาอย่างมาก ตนได้เสนอให้ฝรั่งเศสและประเทศในยุโรปเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในการร่วมคลี่คลายยุติการสู้รบและสร้างสันติภาพในเมียนมา ซึ่งโดยส่วนตนได้พูดคุยกับนักการทูตของประเทศมหาอำนาจที่มีที่นั่งถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างน้อย 4 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส เพื่อให้ประชาคมโลกได้ร่วมผนึกกำลังกันหาโรดแม็พ แก้ไขปัญหาในเมียนมา โดยเร็วที่สุด นอกจากนั้น ตนได้ตอกย้ำข้อเสนอไปยังรัฐบาลว่าประเทศไทยควรเป็นตัวกลางที่จะรับเอาความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมจากทั่วโลกส่งผ่านต่อไปให้ประชาชนผู้เดือดร้อนในเมียนมา

นายนพดล กล่าวต่อว่า นอกจากประเด็นเมียนมาแล้ว ทาง กมธ.ได้ขอให้ทางฝรั่งเศสได้สนับสนุนการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอไทย-อียู ขอการสนับสนุนการที่ไทยขอยกเว้นวีซ่าเชงเก้นเข้ายุโรปและสนับสนุนความร่วมมือทางด้านซอฟต์พาวเวอร์ที่รัฐบาลนี้ได้ผลักดัน เพราะฝรั่งเศสเป็นซูเปอร์พาวเวอร์ทางด้านซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งจะทำให้ซอฟต์พาวเวอร์ไทย รวมทั้งสินค้าและบริการของไทยได้รับการความนิยมไปทั่วโลก และสุดท้ายทาง กมธ.ต่างประเทศได้ขอเอาใจช่วยให้ฝรั่งเศสประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่จะถึงนี้