เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่หอประชุมคุรุสภา พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาส่งเสริมความร่วมมือและสร้างความเข้าใจการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ รวมถึงประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่มีครูและบุคลากรของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นสมาชิกทั่วประเทศ 100 แห่ง เข้าร่วม

โดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เราได้ร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูทั่วประเทศ เพื่อรับฟังแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบว่าแต่ละจังหวัดในสถานีแก้หนี้ครูของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีแนวทางแก้ไขหนี้สินครูอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังมีการนำร่องลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดกาญจนบุรีอีกด้วย โดยเป็นการทำความร่วมมือกับธนาคารออมสินที่จะปล่อยสินเชื่อให้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดกาญจนบุรีในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.80% ต่อปี ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อนำสินเชื่อดังกล่าวเข้าไปช่วยลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ครู ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาในส่วนของหนี้ครูที่ต้องแบกรับภาระการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูง โดยที่ครูสามารถรวมหนี้ไว้ที่เดียวได้ อีกทั้งยังทำให้ครูที่กู้มีเงินเหลือเพิ่มขึ้น สามารถดำเนินชีวิตได้คล่องขึ้น ส่งผลดีต่อการปฏิบัติหน้าที่ทั้งตัวครูเองและนักเรียน ดังนั้นต้องขอบคุณธนาคารออมสินที่ดำเนินการปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำให้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ซึ่งตนเชื่อว่าจะมีขยายผลไปยังสหกรณ์ออมทรัพย์ครูในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป เพราะเท่าที่ทราบสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็มีการเจรจาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 4.50% แล้วเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ศธ.จะพยายามหาสถาบันการเงินแหล่งอื่นๆ เพื่อดำเนินการปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำไปให้สหกรณ์ครู  ซึ่งตนก็ได้ดำเนินการประสานไปยังสถาบันการเงินไปแล้วในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2% ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีการอนุมัติให้หรือไม่

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้จากการแก้ไขปัญหาหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ผ่านมา เรายังไม่ได้มีการประเมินความสำเร็จ แต่ภาพรวมของการดำเนินงานตนเชื่อว่าเราเดินมาถูกทางและทำได้ดีมาก ซึ่งเป็นความร่วมมือจากผู้บริหารทุกคนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยแก้ปัญหาหนี้ครูให้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม  ซึ่งความร่วมมือกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญต่อคุณภาพชีวิตของครูและบุคลากรในระยะยาว สำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากร อาจดำเนินการได้ทั้งการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว และป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นใหม่ เป้าหมายสำคัญคือ ให้ครูและบุคลากรมีเงินเดือนเหลือสุทธิมากกว่าร้อยละ 30 เพื่อให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรีและมีความสุข