เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 67 ร.ต.อ.ทัศนันท์ อินทร์งาม รอง สว. (สอบสวน) สภ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ รับแจ้งเหตุผู้เสียชีวิตถูกทำร้ายบริเวณถนนริมคลองส่งน้ำบ้านหนองคู ต.โพนยาง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย และแพทย์เวร รพ.วังหิน ที่เกิดเหตุพบร่าง นายจิต สมนึก อายุ 75 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ สภาพนอนหงายจมกองเลือดขายังคร่อมรถ จยย. ที่ล้มอยู่ บริเวณศีรษะถูกทุบด้วยของแข็ง เป็นแผลเหวอะหวะ เลือดไหลนองพื้น ข้างศีรษะพบแท่งปูนเสามีเหล็กเส้นโผล่คาดว่าเป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อ นายไพศาล อายุ 47 ปี หลังก่อเหตุได้หลบหนีเข้าไปในบ้านอยู่ห่างจุดเกิดเหตุเพียง 20 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังปิดล้อม และกดดันให้ออกมามอบตัว ใช้เวลานานประมาณ 30 นาที แต่ไม่เป็นผล จึงงัดประตูข้างบ้านเข้าไปจับกุมไว้ได้ ก่อนจะนำตัวไปคุมขังที่ สภ.วังหิน

สอบถาม นายชัยชนะ สีทา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุมีประวัติป่วยจิตเวช เคยนำตัวไปรักษามานานหลายปี ซึ่งปกติเป็นคนอารมณ์รุนแรงเลือดร้อนอยู่แล้ว สาเหตุมาจากดื่มแอลกอฮอล์หนัก หรือมีอย่างอื่นมาร่วมด้วยก็ไม่รู้ พอหลังๆ มาไม่ได้รับประทานยาจิตเวชต่อเนื่อง มีอาการคลั่งประจำ ก่อนหน้านี้เคยไล่ทุบรถชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมา แต่ไม่หนักถึงขนาดต้องเสียชีวิต ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาจะรู้นิสัยของผู้ก่อเหตุดี เวลาชาวบ้านผ่านไปผ่านมาจะคอยระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ก่อนเกิดเหตุได้รับแจ้งว่านายไพศาล มีอาการคลั่ง ดักทำร้ายชาวบ้านบาดเจ็บสาหัส รีบวิ่งมาดูพบนายจิต นอนจมกองเลือดอยู่กลางถนนและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ

นางนาตยา แต้มทอง อายุ 77 ปี พี่ภรรยาผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายเป็นคนนิสัยดี พอมารู้ข่าวว่าถูกกระทำแบบนี้ตนก็ตกใจ และเสียใจมาก ไม่คิดว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นแบบนี้ได้ ส่วนตัวความคิดลึกๆ ก็ไม่อยากให้อภัยแต่คิดอีกมุมหนึ่ง ผู้ก่อเหตุก็เป็นจิตเวช แต่ก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ส่วนเรื่องทางคดีก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.วังหิน พบ นายประเสริฐ พวงยอด อายุ 76 ปี บาดเจ็บถูกนายไพศาล ทำร้ายอีกรายหนึ่ง เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ขณะขี่รถ จยย. กลับจากงานบุญบั้งไฟที่หมู่บ้านเห็นอ้ม เพื่อกลับบ้านที่ อ.ปรางค์กู่ ระหว่างทางมาถึงที่เกิดเหตุเห็นผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน โดนรถ จยย. ทับร่างอยู่ก็คิดว่ารถล้มสลบ ใกล้ๆ กันเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ โดยยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ก่อเหตุ จึงจอดรถและบอกผู้ก่อเหตุว่า ทำไมไม่มาช่วยคนที่นอนอยู่ แต่ผู้ก่อเหตุกลับยืนถือไม้อยู่นิ่ง ตนเห็นแบบนั้นจึงกลัว เลยจะกลับรถขับหนี จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุถือไม้วิ่งไล่ทุบตี จึงทิ้งรถแล้วหันกลับมาสู้เพื่อป้องกันตนเอง แต่ก็ถูกไม้ตีที่บริเวณศีรษะตนหลายครั้ง โชคดีใส่หมวกกันน็อกจึงตั้งหลักฮึดสู้ ทำให้ผู้ก่อเหตุเหนื่อยล้าหยุดทำร้ายตน จังหวะนั้นจึงวิ่งไปจับรถ จยย. ที่ล้มอยู่แล้วขี่หนีไป และผู้ก่อเหตุยังวิ่งไล่ตามจะทำร้ายอีก จึงบิดคันเร่งสุดแรงก่อนจะไปขอความช่วยเหลือจากคนในหมู่บ้าน และแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบเรื่องแจ้งตำรวจดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า อาวุธที่ใช้ก่อเหตุน่าจะเป็นแท่งปูน และท่อนไม้ที่มีตะปูปักอยู่ เนื่องจากอยู่ในสภาพเปื้อนเลือด โดยผู้ก่อเหตุน่าจะมีอาการคลุ้มคลั่งจากการไม่ได้กินยาจิตเวช ก่อนจะใช้อาวุธดังกล่าว ทุบทำร้ายจนเป็นเหตุมีผู้เสียชีวิต ส่วนปมเหตุของการก่อเหตุ ต้องรอให้ผู้ก่อเหตุมีสติมากกว่านี้ก่อนเพื่อทำการสอบสวน และรอผลชันสูตรศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป