นายเกียรติศักดิ์ พงษ์พนัศ นักเดินเรือชำนาญการพิเศษ และ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครพนม กรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้การเดินทางทางน้ำในพื้นที่ จ.นครพนม เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลสถิติการเดินทางทางน้ำในพื้นที่ จ.นครพนม ช่วงเดือน ก.ค.66-ปัจจุบัน (พ.ค.67) ระยะเวลา 11 เดือน มีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการกว่า 275,000 คน หรือ เฉลี่ย 25,000 คนต่อเดือน

ปัจจุบันการให้บริการเรือโดยสารสาธารณะในพื้นที่ จ.นครพนม แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มเรือโดยสารท่องเที่ยวให้บริการระหว่างประเทศ เส้นทาง จ.นครพนม ประเทศไทย และ ท่าแขก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.ลาว) ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร (กม.) ใช้เวลาเดินทาง 20-30 นาที ซึ่งเป็นเรือข้ามฟากให้บริการวันละ 6 ลำต่อวัน แบ่งเป็นเรือโดยสารฝั่งไทย 3 ลำต่อวัน และ ฝั่ง สปป.ลาว 3 ลำต่อวัน มีผู้โดยสารใช้บริการ 700-800 คนต่อวัน จำนวน 16 เที่ยววิ่งต่อวัน

นายเกียรติศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ประกอบการเรือโดยสารฝั่งไทย ได้จัดเตรียมเรือโดยสารไว้ทั้งหมด 6 ลำ แต่ให้บริการจริง 3 ลำ ส่วน 3 ลำ สำรองไว้ให้บริการ ซึ่งช่วงเทศกาลวันหยุดยาว เช่น ปีใหม่ และ สงกรานต์ จะนำมาให้บริการทั้งหมด เพื่ออำนวยความสะดวกและเพียงพอต่อการบริการประชาชน เนื่องจากจะมีชาว สปป.ลาว นิยมเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก

โดยเรือที่ให้บริการเป็นเรือเหล็กมี 2 ขนาด ได้แก่ เรือขนาดเล็ก รองรับ 60-80 คน และ เรือขนาดใหญ่รองรับ 120 คน ให้บริการทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. ช่วงวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ เรือออกทุก 1 ชม. ส่วนวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสำคัญ ผู้โดยสารเต็มเรือจะออกทันที ค่าโดยสาร 60 บาทต่อเที่ยว ซึ่งวันธรรมดาผู้โดยสารจาก สปป.ลาว จะข้ามมาฝั่งไทย เพื่อซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค ส่วนวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ชาวไทยจะข้ามไปฝั่งลาว เพื่อท่องเที่ยวแบบธรรมชาติที่ท่าแขก แบบไปเช้าเย็นกลับ (วันเดย์ทริป) เน้นเที่ยวตามรอยอินฟลูเอนเซอร์และบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง

นายเกียรติศักดิ์ กล่าวอีกว่า และ 2.กลุ่มเรือภัตตาคารในแม่น้ำโขงมีจำนวน 4 ลำ ให้บริการทุกวัน เวลา 17.00-19.00 น. โดยจะล่องเรือเส้นทางจากลานพญาศรีสัตตนาคราช-วัดนักบุญอันนา หนองแสง หรือ โบสถ์คริสตจักร ระยะทาง 10 กม. ไป-กลับ โดยจะให้บริการเรือภัตตาคาร เพื่อล่องเรือในแม่น้ำโขง ดื่มด่ำบรรยากาศและรับประทานอาหาร ค่าใช้จ่ายคนละ 200 บาท ซึ่งผู้โดยสารที่ใช้จะมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

อย่างไรก็ตามเจ้าท่านครพนม ยังตรวจเข้มกลุ่มเรือโดยสารในพื้นที่ จ.นครพนม เกิดความสะดวก ปลอดภัยในการเดินทาง กำชับให้ผู้ประกอบการเรือโดยสารตรวจสอบสภาพเรือให้พร้อมใช้งาน อุปกรณ์ประจำเรือ แพชูชีพ พวงชูชีพ เสื้อชูชีพ เป็นไปตามเงื่อนไขการเดินเรือที่กรมเจ้าท่ากำหนด ผู้ควบคุมเรือ และพนักงานประจำเรือ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยสุ่มตรวจหาสารเสพติดเป็นประจำ รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนและนักท่องเที่ยว สวมใส่เสื้อชูชีพขณะโดยสารเรือ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำ

นายเกียรติศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เตรียมขอรับงบประมาณในปี 69 จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถให้บริการความปลอดภัยท่าเทียบเรือท่องเที่ยวนครพนม ของเทศบาลเมืองนครพนม โดยจะนำระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้บริหารจัดการเที่ยวเรือ จำนวนเที่ยววิ่ง จำนวนผู้โดยสารในแต่ละวัน ติดกล้องวงจรปิด CCTV เพิ่มความปลอดภัย และ การนำกล้องมาตรวจจับผู้โดยสารที่ใช้บริการเรือโดยสารในแต่ละเที่ยววิ่ง เพื่อนำข้อมูลมาใช้ป้องกันอุบัติเหตุและปัญหาอาชญากรรม จากปัจจุบันการนับสถิติผู้โดยสาร และจำนวนเที่ยววิ่งจะใช้คนในการบันทึกข้อมูล หากนำเทคโนโลยีมาใช้ ทำให้ลดจำนวนบุคลากรในการทำงาน เกิดความสะดวก ทันสมัย และปลอดภัยทางน้ำมากขึ้น