เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ สน.บางยี่ขัน พล.ต.ต.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผบก.น.7 พ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.สน.บางยี่ขัน ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.บางยี่ขัน ร่วมกันแถลงข่าวส่งมอบทองคำจำนวน 49 บาท รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท คืนให้กับ นายชัยพร จริยธรรมานุกูล หรือ เสี่ยปุ๊ เจ้าของร้านทอง และน.ส.ไพรินทร์ แก้วเพชร อายุ 58 ปี สาวใหญ่ที่ทำกระเป๋าใส่ทองหล่นหาย หลังสามารถติดตามตัวนายสง่า ภูคำ อายุ 63 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ที่เก็บกระเป๋าใส่ทองคำไว้ได้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

พ.ต.อ.พายัพ กล่าวว่า จากเหตุทองหล่นบริเวณหน้าห้างย่านปิ่นเกล้า ตำรวจใช้เวลา 6 วัน สามารถติดตามคืนมาได้ ส่วนกรณีที่ น.ส.ไพรินทร์ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์หรือไม่ ตนขอยืนยันว่าบางครั้งภาพที่เห็นกับความเป็นจริงเป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งทาง น.ส.ไพรินทร์ ไม่สบายใจมา 3-4 วัน และกระทบต่อสภาพจิตใจพอสมควร วันนี้พิสูจน์ได้แล้วว่า น.ส.ไพรินทร์ ไม่ได้เป็นคนที่กล่าวเท็จ มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง และทางฝ่ายสืบสวนได้ติดตามไขความกระจ่างแล้ว

ทั้งนี้ในกรณีที่เราสามารถเก็บทรัพย์ของผู้อื่นได้ ควรจะนำส่งสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อติดตามส่งมอบคืนเจ้าของ ในส่วนนี้จะไม่มีความผิด แต่หากเข้าลักษณะเดียวกับวันนี้คือเก็บทรัพย์สินได้แล้วไม่ส่งคืนหรือมีเจตนาเพื่อเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนก็จะมีความผิดได้ เมื่อติดตามตัวผู้ต้องหาได้ก็จะดำเนินคดีไปตามกฎหมายในข้อหาลักทรัพย์ ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ ก็ต้องดำเนินคดีเนื่องจากเป็นความผิดตามอาญาแผ่นดิน ตำรวจต้องดำเนินคดีไปตามขั้นตอน ส่วนเจ้าของทรัพย์หากไม่ติดใจก็เป็นเหตุให้บรรเทาโทษลงได้

“เสี่ยปุ๊”ลั่นให้รางวัลคนแจ้งเบาะแส-คนเก็บทองได้นำมาคืนให้1แสน หลังลูกจ้างทำหล่นหาย

ด้านนายชัยพร กล่าวว่า ได้นำเครื่องชั่งมาพิสูจน์ยืนยันว่าได้ทองคำครบตามน้ำหนัก 49 บาท ประกอบด้วยทองคำแท่ง 9 บาท และทองรูปพรรณ 604 กรัม ตนได้พูดคุยสอบถามกับคนขับรถแท็กซี่ว่าทำไมเก็บทองได้แล้วจึงไม่ส่งคืน แต่เขากลับตอบมาว่าเขาไม่รู้ และไม่รู้จะคืนที่ไหน แล้วมาทราบจากตำรวจว่า ที่บ้านคนขับรถแท็กซี่ไม่มีโทรทัศน์และบนรถไม่มีวิทยุฟัง ตนจึงตอบแทนเขาไม่ได้ว่าทำไมจึงไม่นำส่งมอบคืน ส่วนการดำเนินคดีให้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมาย ฝากถึงผู้ที่เก็บได้หากเก็บได้ให้นำมาคืน อย่าเก็บไว้กับตัวเองเลย ขนาดตนมีรางวัลให้ 1 แสนบาท แทนที่จะได้เงินไปใช้กลับต้องถูกดำเนินคดี หลังจากนี้ตนก็จะได้ไปบวชแก้บน ตามที่ได้ไปบนเอาไว้ว่าหากได้ทองคืนจะบวชพระให้ 3 วัน ที่ จ.สุพรรณบุรี

ขณะที่ น.ส.ไพรินทร์ ยกมือไหว้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถติดตามทองคำคืนมาได้ครบ พร้อมเปิดเผยว่า ช่วงวันแรกตนทานอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับคนขับรถแท็กซี่ แต่ทราบว่าเขาก็ขอโทษแล้ว วันที่ทราบว่าเริ่มมีเบาะแส ตนรู้สึกดีใจ ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ออกมาให้ข้อมูลใดๆ เนื่องจากตนไม่ทราบมูลค่าของทองที่อยู่ภายในถุง ทราบเพียงแต่ว่าเป็นทองที่มีมูลค่าเยอะ จึงยังไม่อยากให้ข้อมูลและจะต้องรอเจ้าของทองก่อน และกลัวว่าจะไม่ได้ทองคืน ทั้งนี้ก็อยากจะเอาเรื่องกับคนขับรถแท็กซี่เหมือนกันที่ไม่ยอมคืน อย่างไรก็ตามใครทำผิดก็ต้องว่าไปตามผิด เพราะหากเขาไม่คืนตนก็จะต้องมีความผิดเพียงคนเดียว

นายสง่า ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า อยากขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ทำให้หลายคนได้รับความเดือดร้อน ส่วนตนไม่มีเจตนาที่จะลักทรัพย์ แต่เมื่อตำรวจดำเนินคดีก็พร้อมที่จะรับโทษ โดยยืนยันว่าตนไม่มีทีวีดู ไม่มีวิทยุฟังจึงไม่รับรู้ข่าวสาร.