โดย “อานันท์ ปันยารชุน” อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถานำเรื่อง “ฉากทัศน์อนาคตสังคมไทย” ระบุว่า ฉากทัศน์ของสังคมไทยอาจจะคล้ายกับฉากทัศน์ในสังคมอื่น ไม่ใช่เป็นของแปลก ทุกสังคมจะมีฉากทัศน์ที่ดีได้ไม่ใช่เรื่องของความมั่งคั่ง ประเทศมีคนร่ำรวยมากที่สุด แต่อยู่ที่ว่าสังคมนั้นมีความสุขหรือไม่ ความสุขไม่จำกัดชั้นวรรณะ ทุกชั้นวรรณะก็มีความสุขอย่างพอเพียง ซึ่งความพอเพียงความหมายที่แท้จริงลึกซึ้งมาก 

ทุก ๆ สังคมถ้ามีแต่ความผิดหวัง มีแต่ความไม่เชื่อถือ มีแต่ความไม่นับถือ ไม่ไว้ใจ ก็จะเป็นสังคมที่ไม่มีความสุข แต่สังคมที่ดีไม่ใช่มีความสุขอย่างเดียว ต้องมีความหวัง อนาคตของประเทศอยู่ที่เยาวชนและปัญหาเร่งด่วนคือการศึกษา เริ่มจากจุดที่ถูกต้องเพื่อจะแก้ปัญหาต่อ ๆ ไป

ทางด้าน มีชัย วีระไวทยะ กล่าวว่า การพัฒนาสังคมที่สมาคมฯ มุ่งขับเคลื่อนการทำงานมิติต่าง ๆ สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับสังคมไทย เริ่มตั้งแต่ ลดการเกิดและให้เกิดอย่างมีคุณภาพ ด้วยงานวางแผนครอบครัวและ งานอนามัยเจริญพันธุ์ ลดการตาย ลดความยากจน ลดความเขลา ด้วยการจัดตั้ง โรงเรียนมีชัยพัฒนา เป็นโรงเรียนต้นแบบที่ถูกนำแนวคิดและรูปแบบไปใช้ในโรงเรียนต่าง ๆ ทั้ง ลดความเห็นแก่ตัว ด้วยการปลูกฝังการมีจิตสาธารณะ การรู้จักแบ่งปันและความซื่อสัตย์   สมาคมฯ มองเห็นปัญหาด้านการศึกษาที่ยังขาดความเสมอภาคจึงสร้างโรงเรียนมีชัยพัฒนา อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยให้นักเรียนมีส่วนสำคัญในการบริหารโรงเรียน ฯลฯ ซึ่งบทบาทของโรงเรียนช่วยลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพชีวิตและรายได้ เป็นต้น” 

ขณะที่ ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานเสวนา “เราจะร่วมเปลี่ยนแปลงสังคมไทยได้อย่างไร” อีกว่า การแก้ไขปัญหาอะไรสักอย่างต้องมองที่ต้นเหตุของปัญหา งานด้านศิลปวัฒนธรรมหรือกีฬาที่ส่งเสริมร่วมสร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างแรงบัลดาลใจ โดยอาจพัฒนาเป็นอาชีพต่าง ๆ  อีกทั้งมองเห็นคุณค่าการออม อยากให้เยาวชนเห็นคุณค่าของเงิน มีวินัยทางการเงิน รู้จักการออม  ฝึกทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ การศึกษาเป็นเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างโรงเรียนมีชัยพัฒนาที่สร้างขึ้น เป็นแบบอย่างการเติมเต็มทักษะ แต่มากกว่าการเรียนรู้ คือการลงมือทำและฝึกฝน เมื่อฝึกตนเองก็จะมีความรู้และมีกระบวน การความคิด สามารถพัฒนาประชากรและชุมชน สร้างความยั่งยืน

ทางด้าน นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกวุฒิสภาให้มุมมองอีกว่า การแก้ปัญหาความยากจน โรงเรียนและเด็กเป็นเรื่องสำคัญ เครื่องมือที่จะแก้ปัญหาความยากจนและตัดวงจรความยากจนที่มีประสิทธิภาพมากสุดคือโรงเรียน โดยศึกษาจากโรงเรียนมีชัยพัฒนาซึ่งมีโมเดลการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยปฏิรูปการศึกษาทั้งโรงเรียน เปลี่ยนวิธีคิดนับแต่ระดับบริหาร นักเรียน ผู้นำชุมชน ฯลฯ เป็นการเรียนการสอนแบบแอคทีฟเลินนิ่ง และสิ่งที่สำคัญโรงเรียนปลูกฝังความดี เคารพห่วงใยในเพื่อนมนุษย์ มีจิตสาธารณะ สร้างพลเมืองที่มีคุณภาพ และมีแนวทางเปลี่ยนโรงเรียนเป็นศูนย์เรียนรู้ของคนทุกวัยในชุมชน ทั้งแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะผู้สูงอายุในชุมชน ปัญหาความยากจน เพิ่มโอกาสให้กับเด็กมีโรงเรียนทางเลือกที่มีคุณภาพ.