เมื่อวันที่ 26 พ.ค. นายชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง หรือ “ซินแสเข่ง” ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย ได้ทำนายสถานการณ์ของรัฐบาลว่า ในเดือนพฤษภาคมนี้ ถือว่าเป็นเดือนแห่งมรณะ เดือนแห่งการปะทะ ขัดแย้ง เป็นศัตรู หรือ เบียดเบียน ต่อดวงเมือง ที่มีผลกระทบเกิดขึ้น เมื่อดาวมฤตยู และดาวอุบาทว์โคจรเข้ากุมทับดวงเมือง ที่ก่อให้เกิดความวิบัติ ก่อให้เกิดการปะทะ ชุลมุนหรือก่อให้เกิดการจราจรเกิดขึ้น ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ตามราศีของดวงดาวที่โคจร
เพราะฉะนั้นถือว่าเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นเดือนแห่งความอาถรรพณ์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มาจนถึงปัจจุบันนี้ ทางมาถึงช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ ก็จะต้องทำอย่างไรก็ได้ ที่จะต้องประคับประคองให้บ้านเมืองนั้น ได้สงบมากที่สุด เพราะเป็นเดือนอาถรรพณ์ ที่จะสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายสับสน สร้างความไม่เข้าใจก่อให้เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น
ตลอดไปจนถึง รัฐบาล ที่ไม่อาจจะเดินหน้าต่อได้ ความวุ่นวายเกิดขึ้นแก่รัฐบาล ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตลอดจนถึงองค์กร หน่วย ราชการต่างๆ ที่ดูแล้วค่อนข้างจะมีแต่ความขัดแย้ง อึดอัด แม้แต่วงการศาสนา ก็เต็มไปด้วยอุตริมาลเกิดขึ้นอย่างมากมาย มีวิชามารต่างๆ ที่เกิดขึ้น สร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง ความจริงมันก็มีอยู่เดิมแล้ว แต่เมื่อถึงจังหวะ มันก็จะโผล่ขึ้นมาให้เห็น ประกอบกับจิตใจมนุษย์อ่อนไหว และถ้าดูตามดวงเมืองแล้ว ถือว่าในช่วงจังหวะที่แย่จริงๆ แต่ถ้าถามว่า ระหว่างดวงเมืองกับจังหวะของการเดินของดวงดาวนั้น ดวงเมืองจะแพ้หรือไม่ ก็ไม่แพ้นะ แต่จะทำให้บ้านเมืองนั้น ช้ำมากกว่า ส่งผลไปถึงผู้คนประชาชนต่างๆ ในปี 2567 นี้ ถือว่าเป็นปีที่มีผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ เป็นปีที่ 3 ปีนี้ ของภาวะเศรษฐกิจการเงินล่มสลาย
สถานการณ์ของผู้นำ พรรคเพื่อไทย ก็คงจะพูดไม่ได้ว่า นายใหญ่ ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นบุคคลที่สามารถบงการชี้เป็นชี้ตายให้กับพรรคเพื่อไทยได้ ก็คือคุณทักษิณ ชินวัตร แต่ในขณะนี้คุณทักษิณ ชินวัตร นั้น กำลังเจอวิบากกรรม จากการกระทำของตนเอง ตลอดจนถึงช่วงจังหวะรอบอายุที่เข้าครอบงำ ทำให้มีเรื่องให้หงุดหงิด ไม่สบายใจ มีปัญหาสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น มีเรื่องของการทะเลาะเบาะแว้ง และไม่ได้ดั่งใจที่คาดหวัง มีเหตุให้เสียทรัพย์มากมาย
ส่วนคุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตัวสำรอง ก็เป็นเพียงแต่ด่านหน้าที่จะต้องปะทะ แต่ไม่ได้บริหารด้วยตนเอง และดวงชะตานั้น ก็ถือว่า ไม่ได้ส่งผลให้มีโอกาสประสบความสำเร็จ เพียงแต่โชคดีที่มีโอกาสได้มาอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เดือนพฤษภาคมนี้ ถือว่าเป็นเดือนที่เป็นมรสุมร้ายที่รุนแรง เกิดขึ้นกับตัวคุณเศรษฐา ทวีสิน พร้อมด้วยรอบอายุที่เข้าครอบ ปีที่มีผลปะทะ การทำงานทุกอย่างนั้น จึงเป็นผลร้ายตอบกลับเละอุปสรรคตลอดเวลา
คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ก็เช่นเดียวกัน ในปี 2567 นี้ ความจริงเธอก็เป็นคนที่มีดวงของการเป็นผู้นำอยู่ในตนเอง มีดวงงานราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ในขณะเดียวกันนั้น ในดวงชะตามีปัญหากับอุปสรรค มีเหตุของความแตกแยก สับสน วุ่นวายไม่เข้าใจ ในดวงชะตา และ ประการที่สำคัญก็คือ เป็นบุคคลที่ไม่มีประสบการณ์ในด้านการเมือง รอบปี 2567 นี้ จึงไม่ต่างจากคุณเศรษฐา ทวีสิน ทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องระวังในเรื่องของความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น ทำให้เกิดความไม่เข้าใจ สร้างความสับสน สร้างความขัดแย้ง สร้างความแตกแยกเป็นศัตรู
ส่วนบุคคลที่น่าจับตามองอีกท่านหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นม้ามืด ที่อาจจะมีโอกาส ได้ฉกฉวยช่วงจังหวะช่องว่าง สุญญากาศ รัฐบาล ที่กำลังมองหาบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองให้กับพรรคเพื่อไทย คือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะนาทีนี้ คงไม่มีใครที่จะมีทั้งอำนาจและบารมีเหนือบุคคลผู้นี้ไปได้ ประกอบกับ บุคคลผู้นี้ ก็มีสายสัมพันธ์อันดีกับคุณทักษิณชินวัตร อยู่ที่ประชาชน ที่เห็นว่า ท่านอายุมากแล้ว และไม่ควรที่จะมานั่งเก้าอี้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ก็ถือว่า ในช่วงระยะ ปี 2567 และ 2568 ก็เป็นช่วงจังหวะที่คุณทักษิณจะรับช่วงต่อ ถ้าหากว่า ชะตาของคุณทักษิณ ไม่ถึงฆาตจริงๆ