เมื่อวันที่ 5 ต.ค. นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจความพร้อมป้องกันน้ำท่วม ทสภ. ร่วมกับนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ว่า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด แม้ว่าระยะนี้จะมีปริมาณฝนมากขึ้น แต่ด้วยระบบการบริหารจัดการป้องกันน้ำท่วมจากภายนอก การมีพื้นที่รองรับน้ำระดับสูง และการระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ของ ทสภ. และไม่กระทบการให้บริการทั้งผู้โดยสาร และขนส่งสินค้าแน่นอน
นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับระบบป้องกันน้ำท่วมจากภายนอกนั้น ทสภ. มีเขื่อนดินล้อมรอบ ซึ่งด้านบนสันเขื่อนมีความกว้าง 3 เมตร ฐานสันเขื่อนกว้าง 37 เมตร สูง 3.5 เมตร ยาว 23.5 กิโลเมตร (กม.) สามารถป้องกันระดับน้ำจากภายนอกได้สูง +2.27 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งในส่วนนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพความแข็งแรงของเขื่อนดินเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าแข็งแรงป้องกันน้ำจากภายนอกไม่ให้เข้ามาภายในพื้นที่ ทสภ. ได้ ส่วนพื้นที่รองรับน้ำของ ทสภ. มีทั้งส่วนของคลองโดยรอบ และคลองภายใน รวมถึงอ่างเก็บน้ำ ซึ่งเป็นแก้มลิง 6 แห่ง ทั้งหมดมีศักยภาพกักเก็บน้ำได้ 4.7 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ซึ่งมีการบริหารกักเก็บน้ำไว้ระดับสูงในฤดูแล้ง แต่พร่องน้ำให้ต่ำลงเพื่อเพิ่มพื้นที่รับน้ำในฤดูฝน
นายกิตติพงศ์ กล่าวอีกว่า การบริหารจัดการส่วนนี้มีการทำงานประสานกับกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ได้พร่องน้ำในคลองภายใน ทสภ. ให้อยู่ระดับต่ำกว่าระดับน้ำทะเลที่ -1.6 เมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำไว้พร้อมแล้ว สำหรับศักยภาพการระบายน้ำนั้น ทสภ. มีสถานีสูบน้ำ 2 สถานี ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ ฝั่งตะวันออก และทิศใต้ ฝั่งตะวันตก ของท่าอากาศยาน ซึ่งแต่ละสถานีจะมีเครื่องสูบระบายน้ำ ขนาด 2 ลบ.ม./วินาที 4 เครื่อง รวม 8 เครื่อง โดยจะเปิดใช้งาน 6 เครื่อง ศักยภาพการสูบระบายน้ำรวม 12 ลบ.ม./ วินาที ทั้งนี้การสูบและระบายน้ำ จะสอดคล้องกับคลองภายนอก เช่น คลองหนองงูเห่า คลองหนองปรือ คลองบางโฉลง โดยจะเชื่อมกันไปสู่ระบบคูระบายน้ำริมทะเล ซึ่งกำกับดูแลโดยกรมชลประทาน ทำให้การระบายน้ำของ ทสภ. ไม่สร้างผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบแต่อย่างใด.