น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. รับทราบการร่วมลงทุน (เวนเจอร์ แคปปิตัล) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กับผู้ประกอบการภาคการเกษตรของไทย เพื่อสนับสนุนด้านการเงินในลักษณะการร่วมทุนให้กับผู้ประกอบการภาคการเกษตรหรือที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตรให้มีทุนในการดำเนินกิจการระยะแรกได้  โดยกำหนดสัดส่วนร่วมทุนไม่เกิน 49% ของจำนวนหุ้นหลังระดมทุน และกรณีโครงการร่วมลงทุนไม่เกิน 80% ของมูลค่าการลงทุน มีระยะเวลาร่วมลงทุนไม่น้อยกว่า 3 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี

ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในรูปของบริษัท โดยจะให้มีอำนาจในการบริหารจัดการโดยอิสระ ส่วน ธ.ก.ส.ทำหน้าที่ติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยคุณสมบัติของผู้ประกอบการ จะต้องเป็นผู้ประกอบการในระยะเริ่มต้น (สตาร์ทอัพ) หรือระยะของการขยายธุรกิจ ได้แก่ ผู้ประกอบการที่มีนวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตร หรือ โครงการวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆที่มีศักยภาพ เป็นผู้ประกอบการที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมายกระดับสร้างมูลค่าเพิ่มภาคการเกษตร รวมทั้ง กลุ่มวิสาหกิจ กองทุนหมู่บ้าน ที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลถูกต้อง โดยงบประมาณที่ใช้ร่วมลงทุนจะใช้งบประมาณการดำเนินงานปกติของ ธ.ก.ส.

อย่างไรก็ตาม ธ.ก.ส. ได้คัดเลือกผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการแล้ว 2 ราย คือ บริษัท คิว บ็อคซ์ พอยท์ จำกัด ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีการเกษตร โดยใช้แพลตฟอร์มเพื่อช่วยเกษตรกรในการวางแผนการผลิตให้สัมพันธ์กับความต้องการของตลาดในลักษณะซื้อขายล่วงหน้า มูลค่ากิจการ ณ ต้นปี 64 อยู่ที่ 135 ล้านบาท อันดับเครดิตอยู่ที่ระดับเอเอเอ รายได้หลักมาจากค่าปรับปรุงแพลตฟอร์มและค่าสมาชิกจากผู้ซื้อผลผลิตการเกษตรรายใหญ่ และบริษัทฯมีแผนการปรับเปลี่ยนที่มาของรายได้ มาเป็นส่วนแบ่งยอดขายสินค้าเกษตรที่เกิดขึ้นผ่านระบบเพื่อจูงใจให้เกษตรกรใช้บริการแพลตฟอร์มในการขายผลผลิต โดยเสนอให้ ธ.ก.ส.ร่วมลงทุน 15 ล้านบาท หรือ 11.10% ของจำนวนหุ้นหลังการร่วมทุน

ส่วนอีกบริษัท คือบริษัท อินฟิวส์ จำกัด ให้บริการแอพพลิเคชั่น มะลิซ้อน ผู้ใช้งานหลักคือ ชาวนาที่ซื้อประกันภัยผลผลิต มูลค่ากิจการอยู่ที่ 35.74 ล้านบาท อันดับเครดิตระดับเอเอ เป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรในการบันทึกแปลงที่ดินของเกษตรกรและสามารถแจ้งการประสบภัยเพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนกรณีเอาประกัน ปัจจุบันมีผู้ใช้ระบบประมาณ 4,000 คน รายได้หลักของบริษัทมาจากการสนับสนุนของสมาคมประกันวินาศภัยไทย โดยมีแผนจะขยายระบบวางแผนบริหารจัดการแปลงเกษตรอย่างครบวงจรเพื่อให้เกษตรกรสามารถเชื่อมโยงกับปัญญาประดิษฐ์และสามารถวางแผนเพาะปลูกได้ดีขึ้น โดยบริษัทฯ เสนอให้ ธ.ก.ส.ร่วมลงทุนจำนวน 7 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 19.58%