สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ว่า การย้ายถิ่นฐานทางกฎหมายในระดับสูง ครอบงำวาทกรรมทางการเมืองของสหราชอาณาจักร มาอย่างยาวนาน และเป็นหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญสำหรับการถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หรือ “เบร็กซิต”

นอกจากเจ้าหน้าที่ดูแล และคนงานที่มีเงินเดือนต่ำ รัฐบาลลอนดอนของนายกรัฐมนตรีริชี ซูแน็ก ผู้นำสหราชอาณาจักร พยายามลดจำนวนนักศึกษาที่เดินทางเข้ามาในประเทศ รวมถึงป้องกันไม่ให้นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาบางคน พาสมาชิกครอบครัวเข้ามายังสหราชอาณาจักรด้วย

คณะกรรมการที่ปรึกษาการย้ายถิ่นฐานของสหราชอาณาจักร (เอ็มเอซี) ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่ให้คำแนะนำแก่รัฐบาลลอนดอน ระบุว่า จำนวนนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งจ่ายเงินมัดจำเพื่อศึกษาในมหาวิทยาลัยของสหราชอาณาจักร ในเดือน ก.ย. นี้ ลดลงมากถึง 63% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ หลังรัฐบาลออกข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่านักเรียน

ยิ่งไปกว่านั้น รายงานของเอ็มเอซี ยังเตือนว่า ข้อจำกัดเพิ่มเติมต่อสิ่งที่เรียกว่า “เส้นทางบัณฑิต” ซึ่งอนุญาตให้นักศึกษาต่างชาติ ทำงานในสหราชอาณาจักรได้นานถึง 2 ปี หลังสำเร็จการศึกษานั้น จะนำไปสู่การตกงาน และการปิดหลักสูตร ตลอดจนทำให้สถาบันบางแห่ง เสี่ยงที่จะล่มสลายเช่นกัน

อนึ่ง รัฐบาลลอนดอน มอบหมายให้มีการตรวจสอบ หลังมีความกังวลเกี่ยวกับการละเมิดเส้นทางวีซ่าบัณฑิต ซึ่งนักการเมืองสหราชอาณาจักรบางคน ร้องเรียนว่า นักศึกษาต่างชาติบางส่วนยื่นขอวีซ่า แล้วขอลี้ภัยในเวลาต่อมา หรือพำนักในประเทศเกินกำหนด

แม้โฆษกของซูแน็ก กล่าวว่า รัฐบาลจะพิจารณารายงานของเอ็มเอซี และดำเนินการตอบสนอง แต่เขาก็เน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับแผนงานนี้ โดยชี้ให้เห็นว่า นักศึกษาต่างชาติมากกว่า 40% ที่ใช้เส้นทางบัณฑิต ไม่ได้ทำงาน หรือมีรายได้ต่ำกว่า 15,000 ปอนด์สเตอร์ลิงต่อปี (ราว 700,000 บาท) หลังสำเร็จการศึกษา.

เครดิตภาพ : AFP