สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองแอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ว่านายปีเตอร์ มาลินัสกัส มุขมนตรีเซาท์ออสเตรเลีย อยู่ระหว่างพิจารณา บังคับการห้ามใช้โซเชียลมีเดียในเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี โดยได้แต่งตั้งอดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลสูง เพื่อตรวจสอบว่า รัฐจะสามารถบังคับใช้การแบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมไปถึงอินสตาแกรมและติ๊กต็อกได้อย่างไร เนื่องจากมีความกังวลว่า โซเชียลมีเดียมีส่วนทำให้เกิดอาการป่วยทางจิตใจในคนหนุ่มสาว

“เราพบหลักฐาน เกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบของโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีต่อเด็ก, สุขภาพจิต และพัฒนาการของพวกเขามากขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญ” นายมาลินัสกัสระบุ เขากังวลว่าบริษัทโซเชียลมีเดียใช้อัลกอริทึมที่ “น่าติดตาม” เพื่อดึงดูดให้คนหนุ่มสาวเข้าร่วม

ทั้งนี้ รัฐบาลกล่าวว่า กำลังตอบสนองต่อความกังวลจากผู้เชี่ยวชาญและผู้คนในสังคม เกี่ยวกับวิธีที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทำให้เด็ก ๆ เข้าถึงเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย และการกลั่นแกล้งในโลกไซเบอร์ ขณะที่ “รีชเอาท์” หน่วยงานด้านสุขภาพจิตของออสเตรเลียพบว่า โซเชียลมีเดียเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด สำหรับพ่อแม่และผู้ปกครองในปีนี้

“ลูก ๆ ของเรากำลังถูกทำร้ายในขณะนี้ และเราไม่มีเวลาเหลือแล้ว ฉันไม่อยากนั่งรอให้ใครมาจัดการ ต้องเริ่มแล้ว” มาลินัสกัสกล่าว

การห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีในรัฐเซาท์ออสเตรเลียมีบัญชีโซเชียลมีเดีย ถือเป็นครั้งแรกของออสเตรเลีย ขณะเดียวกัน เด็กอายุ 14 และ 15 ปี จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง จึงจะสามารถเข้าถึงโซเชียลมีเดียได้ อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ยังอยู่ระหว่างการสำรวจว่า จะดำเนินการอย่างไรให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ทั้งนี้ นายโรเบิร์ต เฟรนช์ อดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลสูง ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบเส้นทางทางกฎหมาย, กฎระเบียบ และเทคโนโลยี เพื่อให้รัฐบาลบังคับใช้คำสั่งดังกล่าว โดยมุขมนตรีระบุว่าการตรวจสอบของนายเฟรนช์ ซึ่งไม่มีกำหนดเวลา จะพิจารณาถึงวิธีการบังคับใช้คำสั่งห้ามใช้โซเชียลมีเดีย

มาลินัสกัสระบุเพิ่มเติมว่า รัฐธรรมนูญของออสเตรเลียให้การดูแลสื่อ ถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลกลาง และการดูแลสุขภาพจิตของประชาชนเป็นหน้าที่ของรัฐ “ถ้าคำแนะนำย้อนกลับมาว่า มันเป็นเรื่องยากสำหรับรัฐบาลของรัฐในการควบคุม ผมคิดว่า มันจะเป็นการเปิดช่องให้รัฐสภาดำเนินการ”

ดร.โจแอนน์ ออร์แลนโด อาจารย์ด้านการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยเวสเทิร์นซิดนีย์ ให้ความเห็นว่า การบังคับใช้คำสั่งห้ามไม่ใช่เรื่องง่าย และวัยรุ่นมีแนวโน้มเข้าถึงโซเชียลมีเดียผ่านช่องทางอื่น “พวกเขาเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีมาก”

“การแบนเป็นเพียงการลบเส้นทางหนึ่งออก และพวกเขาจะพบเส้นทางอื่นเสมอ” เธอกล่าวทิ้งท้าย.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES