จากกรณีลักลอบตัดไม้พะยูงที่สถานีเพาะชำกล้าไม้กาฬสินธุ์ ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 66 ต่อมาไม้พะยูงของกลาง 7 ท่อน มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท หายไปจากเทศบาลตำบลตื้อ สืบเนื่องด้วยเหตุการณ์ตัดไม้พะยูงที่โรงเรียนหลายแห่ง ที่เชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง เช่น ที่โรงเรียนคำไฮวิทยา อ.หนองกุงศรี 22 ต้น และจากการตรวจสอบพบว่ามีการตัดไม้พะยูงอีกในหลายโรงเรียน รวมความเสียหาย 61 ต้น ซึ่งนายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายเป็นญัตติด่วนในสภาผู้แทนราษฎร ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่โรงเรียนคำไฮวิทยา อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ รองศาสตราจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (ป.กมธ.ป.ป.ช.สภา) นายกิตติ สมทรัพย์ รอง ป.กมธ.คนที่สอง นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ รอง ป.กมธ.คนที่ 6 นางสุขสมรวย วันทนียกุล กรรมาธิการ นายนิพนธ์ คนขยัน เลขานุการคณะกรรมาธิการ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ และว่าที่ร้อยโท ยุทธการ รัตนมาศ โฆษกคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ชำนาญการประจำคณะ กมธ.ป.ป.ช.สภา ลงพื้นที่ติดตามปัญหาการตัดไม้พะยูง ที่เป็นคดีใหญ่ข้ามปีตั้งแต่ปี 2566 ถึงปัจจุบัน ที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชน และ กมธ.ป.ป.ช.ชุดนี้ ได้รับการร้องเรียนจาก นายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย เขต 1 นำเรื่องพิจารณาที่พบความผิดปกติในการตัดไม้ มีข้าราชการ 3 หน่วยงานเกี่ยวข้องและมีการจำหน่ายไม้ที่ขยายผลไปสู่ขบวนการตัดไม้พะยูงข้ามชาติ

โดยมี นายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย และนายพลากร พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย นายธวัชชัย รอดงาม นายธนภัทร ณ ระนอง รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ปลาทอง ผบก.ตชด.ภาค 2 นายวิทยา ปัญจมาตย์ ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ นายจารุวัตร ภูแก้ว นายอำเภอหนองกุงศรี ธนารักษ์พื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์เขต 2 ผู้อำนวยการโรงเรียนคำไฮ ผู้นำชุมชน ผู้ปกครองนักเรียน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรายงานปัญหา

โดยการลงพื้นที่ นายชูศักดิ์ พร้อม กมธ.ป.ป.ช.ได้เข้าตรวจสภาพการตัดไม้ภายในโรงเรียนคำไฮวิทยา อ.หนองกุงศรี เป็นจุดที่มีการตัดไม้พะยูงมากที่สุดของ จ.กาฬสินธุ์ พบเป็นการกระทำการอุกอาจ ร่องรอยตอไม้พะยูงที่มีอายุกว่า 60 ปี ถูกตัดไปขายให้นายทุนในราคาเพียง 153,000 บาท ในขณะที่ราคาประเมินสูงกว่า 4 ล้านบาท ถือเป็นการฝ่าฝืนเข้าตัดไม้โดยไม่จำเป็นตามคำสั่ง ว.20 สวนทางนโยบายอธิบดีกรมธนารักษ์ที่ให้ตัดได้เท่าที่จำเป็น

ผลการตรวจสอบพบอีกว่าต้นไม้พะยูงที่ถูกตัดไม่มีส่วนใดที่ไปสร้างความเดือดร้อนหรือเป็นอันตรายต่ออาคารหรือที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียน จำนวนไม้พะยูง 17 ต้น 17 ตอ จุดนี้จึงชี้ชัดว่าการอนุญาตตัดโดยผิดกฎหมาย ใช้ช่องว่างทางระเบียบกฎหมายและระเบียบพัสดุ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตาม ม.157 ระหว่างนั้นได้มีการประชุมหารือวิเคราะห์ปัญหาเพื่อประกอบการรายงานของ กมธ.ป.ป.ช. เพื่อส่งต่อไปยัง สำนักงาน ป.ป.ช. ที่กำลังดำเนินคดี

จากนั้นเวลา 14.00 น. นายชูศักดิ์ พร้อมคณะกมธ.ป.ป.ช. ลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบการลักลอบตัดไม้พะยูงในเขตบริเวณพื้นที่สถานีเพาะชำกล้าไม้ จ.กาฬสินธุ์ โรงเรียนหนองแวงบ่อแก้ว ต.อิตื้อ โรงเรียนหนองกุงราษฎร์วิทยา ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ และพื้นที่ใกล้เคียง โดยมี นายเอกรัตน์ มิสา นายอำเภอยางตลาด พร้อมด้วยผู้นำชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่

โดยจากการลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพจริง ทางกรรมาธิการฯ ถึงกับตกใจกับภาพที่เห็นโดยเฉพาะที่โรงเรียนหนองแวงบ่อแก้ว ต.อิตื้อ ซึ่งทางคณะครู คณะกรรมการสถานกศึกษา ผู้นำชุมชน ชาวบ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำผ้าเหลืองจีวรพระมาผูกมัดกับต้นพะยูงไว้ ซึ่งเป็นการบวชต้นไม้ เพื่อพยายามรักษาต้นพะยูงไว้ แต่ก็ยังถูกลักลอบตัด นอกจากนี้ที่โรงเรียนหนองกุงราษฎร์วิทยา ยังพบว่าทางคณะครู ผู้นำชุมชน ชาวบ้าน และคณะกรรมการสถานศึกษา มีการนำอิฐบล็อกมาก่อเป็นกำแพงสูงกว่า 3-4 เมตรรอบต้นพะยูงที่มีอายุ 40-50 ปี ไว้กว่า 10 ต้น และบางต้นนำเหล็กมาเชื่อมล้อมเสริมไว้อีกหนึ่งชั้น เพื่อป้องกันแก๊งมอดไม้ที่จะเข้ามาลักลอบตัด ตามใบสั่งของนายทุนด้วย

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ฯ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อประกอบการพิจารณาในสำนวนของคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ซึ่งได้ทำการพิจารณาปัญหาตัดไม้พะยูง ที่ทาง สส.วิรัช พิมพะนิตย์ พรรคเพื่อไทย จ.กาฬสินธุ์ เขต 1 ได้ยกประเด็นการตัดไม้พะยูงที่เกิดจากความผิดปกติ ผลการประชุมที่ผ่านมา กมธ.ป.ป.ช.ได้เชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ผอ.สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 รวมไปถึงผู้บริหารโรงเรียนในพื้นที่ตัดไม้พะยูง ในเขต อ.หนองกุงศรี อ.ห้วยเม็ก ที่ประชุมมีประเด็นสำคัญในการพิจารณาพบว่า มีความผิดปกติที่เชื่อได้ว่าการตัดไม้พะยูงในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งความเสียหายในภาพรวมมีมากกว่า 100 ต้น และยังพบเส้นทางการซื้อขายไปเชื่อมโยงกับเครือข่ายไม้พะยูงข้ามชาติ

“กรณีนี้ถือได้ว่าเป้าหมายก็คือการป้องกัน เพื่อรักษาทรัพยากรป่าไม้ในประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัย การตัดไม้พะยูงในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ แม้จะอ้างว่าเป็นการตัดปัญหาผู้มีอิทธิพลเข้ามาตัด มีการใช้อาวุธปืนมาข่มขู่ จึงมีการขออนุญาตตัดไม้พะยูง จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐก็ยังมีวิธีการป้องกันอีกมากมาย อีกทั้งในกรณีการซื้อขายไม้เฉพาะในพื้นที่ โรงเรียนคำไฮวิทยา ไม้พะยูงมากถึง 17 ต้น 17 ตอ ถูกตัดด้วยการอนุญาตของธนารักษ์และเขตพื้นที่การศึกษาและผู้บริหารโรงเรียน มีการนำเงินเข้ามาเพียง 153,000 บาท ขณะที่ราคาซื้อขายจริงประเมินสูงกว่า 4 ล้านบาท”

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่จึงเป็นสิ่งที่ยืนยันก่อนการสรุปประเด็นส่งต่อให้ ป.ป.ช. และสำนวนของ กมธ.ป.ป.ช. ก็สมบูรณ์แล้วเกือบ 99% การทำงานก็ต้องขอขอบคุณ สส.วิรัช พิมพะนิตย์ พรรคเพื่อไทย จ.กาฬสินธุ์ ที่นำประเด็นนี้มาแก้ไขปัญหา ที่เชื่อว่าจะมีส่วนที่ช่วยทำให้ภาครัฐตื่นตัวต่อปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าได้มากขึ้น ที่ยังจะเป็นการอุดช่องโหว่ทางระเบียบพัสดุที่อาจจะมีเจ้าหน้าที่บางคนฉวยโอกาสเหมือนอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์

ด้าน พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การดำเนินคดีนี้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนฯ ได้แจ้งข้อกล่าวหารวมจำนวน 17 คน ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ ผู้ต้องหาจะอยู่ในพื้นที่ อ.ห้วยเม็ก อ.หนองกุงศรี ประกอบไปด้วย 3 หน่วยงาน คือ หน่วยงานป่าไม้ หน่วยงานธนารักษ์ และหน่วยงานในสังกัดการศึกษา ซึ่งสำนวนของ อ.ห้วยเม็ก พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบสำนวนนี้ได้ส่งไปยัง ป.ป.ช.ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ เรียบร้อยแล้ว ส่วน อ.หนองกุงศรี กำลังดำเนินการที่คาดว่าจะมีอีกประมาณ 6 คนที่เกี่ยวข้อง ลักษณะพฤติกรรมทางคดีไม่ต่างกันมีการใช้ช่องว่างทางระเบียบพัสดุ เป็นขบวนการที่แนวทางการสืบสวนกำลังดำเนินการขยายผลไปสู่กระบวนการค้าไม้ข้ามชาติ ดังนั้นการดำเนินคดีจึงขึ้นอยู่ว่าภายหลังจากที่ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ พิจารณาแล้วจะส่งสำนวนคืนให้ตำรวจกาฬสินธุ์ดำเนินคดีต่อหรือไม่