จากกรณี น้องพิมพ์ อายุ 23 ปี เน็ตไอดอลสาวชื่อดัง ถูกผู้ไม่หวังดีปล่อยคลิปส่วนตัวกับแฟนเก่าผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งน้องพิมพ์ออกมาชี้แจงและยอมรับว่าเป็นบุคคลในคลิปดังกล่าวจริง แต่ก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งให้แฟนเก่าลบคลิปดังกล่าวทิ้งจากมือถือไปแล้วหลังจากเลิกรากัน จึงไม่ทราบว่าคลิปดังกล่าวหลุดออกมาได้อย่างไร พร้อมวอนชาวเน็ตอย่าแชร์ ดู หรือส่งต่อคลิปเหล่านั้น หากพบเห็นให้ช่วยกันกด Report

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ชั้น 4 ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาน้องพิมพ์ เดินทางเข้าแจ้งความกับ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่ปล่อยคลิปลับส่วนตัวจนทำให้ได้รับความเสียหาย

น้องพิมพ์ กล่าวว่า วันที่ถูกปล่อยคลิป แฟนเก่าได้มีการโทรฯ มาพูดคุยกับตนว่าคลิปดังกล่าวหลุด ซึ่งตัวแฟนเก่าอ้างว่าไม่ทราบว่าคลิปหลุดได้อย่างไร ไม่ได้นำโทรศัพท์ไปซ่อม หรือมีใครมายุ่งกับโทรศัพท์ ซึ่งตนก็เชื่อ 50:50 กับคำกล่าวอ้างของแฟนเก่า นอกจากนี้ ตนอยากขอความเห็นใจให้หยุดแชร์คลิปดังกล่าว ส่วนในเรื่องของความรู้สึกตอนนี้รู้สึกสบายใจขึ้น หลังมีผู้ใหญ่เข้าช่วยเหลือ ซึ่งถ้าไม่มีผู้ใหญ่คอยช่วย ตนก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

ขณะที่ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า หลังจากนี้นอกจากจะต้องให้ทางพนักงานสอบสวนหญิงสอบปากคำน้องพิมพ์แล้ว จะใช้เครื่องมือพิเศษของตำรวจไซเบอร์ในการตรวจวิเคราะห์บรรดา Social Media ต่าง ๆ อาทิ TikTok Facebook Instagram และแม้แต่กลุ่ม Line ที่มีการแชร์คลิป รวมทั้งจะออกหมายเรียกแฟนเก่าของน้องพิมพ์ ซึ่งถือเป็นต้นตอหลัก มาให้ปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยจะมีการดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่นำคลิปมาเผยแพร่และแชร์ต่อไปจนถึงผู้ที่อยู่ในกลุ่มแชร์คลิป

ซึ่งจะเอาผิดทั้งตามประมวลกฎหมายอาญา ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ม.328 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 2 ปี และเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า ม.287 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 3 ปี อีกทั้งจะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(4) และ (5) ทั้งนำเข้าข้อมูลลามกสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเผยแพร่ส่งต่อข้อมูลลามกดังกล่าว ซึ่งต่างมีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี ทั้งนี้ นอกจากจะเอาผิดถึงผู้ที่นำคลิปมาลงในโซเชียลมีเดียแล้ว จะเอาผิดถึงคนที่แชร์ต่อตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งถ้าหากตรวจสอบแล้วสามารถพิสูจน์ทราบว่าใครเป็นผู้แชร์บ้าง ก็จะออกหมายเรียกมาดำเนินคดีทั้งหมดโดยไม่ละเว้น.