วันที่ 11 พ.ค. รายการโหนกระแสพูดคุยกับ เสี่ยเต่าบิน เสี่ยร้านเซียงกง, เอกภพ เหลืองประเสริฐ เจ้าของเพจสาวไหมต้องรอด และ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ถึงกรณีนัดสาวหวังหาคู่ชีวิต โดนหลอกเอาเงินครึ่งล้าน

“เสี่ยเต่าบิน” เล่าเหตุการณ์หลังเจอรักแท้ในคืนหลอกลวง นัดสาวหวังหาคู่ชีวิต โดนหลอกเอาเงินครึ่งล้าน ว่า ตนทำธุรกิจร้านเซียงกง ทำอู่สิบล้อ สถานะหัวใจไม่มีแฟน โสด ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ยุ่งยาเสพติด อยู่คนเดียวเหงาๆ อยากมีคู่ครอง เลยไปหาในโลกออนไลน์ กลุ่มชื่อ “หาคนรับเลี้ยง” เจอหญิงอายุ 26 ปี ชาวบุรีรัมย์ ตรงสเปก นัดคุยแล้วอยากเจอก็คิดว่าคงเป็นพรหมลิขิต

ตนจึงพาไปไทรโยค ไปนอนพูลวิลล่า ริมน้ำสวยๆ ตามใจฝ่ายหญิง ค่ำคืนนั้นมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน แต่ฝ่ายหญิงมีพฤติกรรมที่แปลกมาก ไม่หวานแหวว ไม่ออดอ้อน ชอบดูหนังแนวสืบสวนสอบสวน จึงเชื่อว่าเป็นการฝึกวิชา

“ตอนอยู่ในห้องพัก วัยรุ่นต้องเอามือถือดูติ๊กต็อก ฟังเพลง คนนี้ไม่ ดูแต่หนังสอบสวน ฆาตกรรม ใส่ถุงเท้าทับกางเกงยีน ปกติเขาไม่ทำกันนะ ไม่มีความหวานแหววเลย คนนี้ทำไมดูแต่หนังสืบสวน อาชญากรรม ฆาตกรรม ดูพากย์ฝรั่งด้วยนะ เรียนเอกภาษาอังกฤษมาหรือไงก็ไม่รู้ ผมก็ว่าแปลกๆ ฝึกวิชาหรือไง เก็บความรู้ เก็บรายละเอียด วัยรุ่นธรรมดาเขาไม่ทำกัน ผมมาคิดตอนหลัง เหนือเมฆจริงๆ” เสี่ยเต่าบิน กล่าว

“เสี่ยเต่าบิน” เผยอีกว่า ต่อมาได้นัดเจอกันอีกครั้ง พาไปเที่ยวทะเลนอนพูลวิลล่า ตกเย็นตนโอนเงินให้ลูกน้องก่อนคล้อยหลับไป ตื่นมาอีกทีเกือบ 2 ทุ่ม หญิงสาวรายนี้ได้หายออกไปจากห้อง วันรุ่งขึ้นถึงรู้ตัวว่าเงินในบัญชีหายไปเกือบ 4 แสนบาท ไปไล่เช็กกับธนาคารจึงรู้ตัวทีหลังว่า มีการใช้เงินจำนวน 1.9 แสนบาท ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่พาฝ่ายหญิงไปไทรโยค รวมเป็นเงิน 5.6 แสนบาท ที่เสียไป แถมเงินดังกล่าว ถูกโอนไปยังร้านแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ จึงมั่นใจว่าตนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และเชื่อว่าไม่ได้ทำเพียงแค่คนเดียวแน่นอน

ขณะที่ เอ (นามสมมุติ) สาวคู่กรณี ได้โฟนอินเข้ามาชี้แจงในช่วงหนึ่งของรายการ โดยยอมรับว่า ตนเอารูปหน้าบัตร-หลังบัตรเครดิตของเสี่ย ให้บุคคลหนึ่ง และมีหลายบุคคลที่มาเจอ แต่ละครั้งไม่ใช่คนเดิม ระบุไม่ได้ว่าใครเป็นเจ้าของบัญชี ได้ค่าจ้างประมาณ 2-3 พัน ไปแลกเงินกับร้าน ที่ทำไปเพราะว่าต้องการเงินในการดำรงชีพ ตนถูกฟ้องข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง ตกงาน ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อต่อสู้คดี

ขอบคุณ เพจ 3Plusnews