เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเป็นคนแรก โดยได้มาไหว้ศาลพระภูมิ และศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อความเป็นสิริมงคลในการทำงาน พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าวันนี้เป็นวันแรกของการเข้าทำงาน ซึ่งตนจะทำงานทั้งสองที่คือที่ทำเนียบรัฐบาล และกระทรวงการคลัง เรื่องเร่งด่วนตนทราบอยู่แล้วว่าคืออะไร จะใช้หน้าที่และความรับผิดชอบที่มีในการแก้ปัญหา ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ

ขณะเดียวกันที่ประชุม ครม.เศรษฐา 1/2 วันนี้เป็นนัดแรก จะมีการพิจารณาแบ่งงานกัน ซึ่งปัญหาในเรื่องเศรษฐกิจทุกคนทราบเหมือนกัน ไม่ว่าจะอยู่ในอาชีพใด ทุกคนเห็นปัญหาเหมือนกัน แม้วิธีคิดต่าง มองปัญหาต่างมุม แก้ปัญหาต่างกัน จึงจะต้องหาข้อยุติเพื่อให้ตกผลึก แล้วพยายามทำให้ทุกคนเข้าใจร่วมกันให้มากที่สุด และนำมาซึ่งแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด

ส่วนความเห็นต่างระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เป็นเรื่องปกติ ซึ่งเป็นหน้าที่และความผิดชอบร่วมกัน เพื่อผลักดันให้เครื่องจักรสองเครื่องไปด้วยกัน ทั้งนโยบายการเงินการคลังให้สอดคล้องเดินไปด้วยกัน

แต่ก่อนที่จะเดินไปได้ ต้องทำความเข้าใจและตกผลึกว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งตนจะต้องเข้าไปพูดคุย เพราะเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ส่วนจะยากหรือไม่ในการพูดคุย ปกติตนก็คุยและเชื่อมั่นนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. คงจะคุยกันด้วยเหตุและผล ซึ่งในอดีตก็ได้เคยสัมผัสกับผู้ว่าการ ธปท. มาบ้าง ในช่วงที่อยู่ในภาคธุรกิจ ซึ่งน่าจะพูดคุยและใกล้เคียงกันได้ด้วยเหตุและผล

ขณะที่กระแสการแก้กฎหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกฯ นั้น นายพิชัย กล่าวว่า ดูอีกทีดีกว่า ว่ามันใช่ปัญหาหรือไม่ เช่นเดียวกับกระแสต่อต้านว่าธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเป็นอิสระ ก็เป็นธรรมชาติ เราทุกคนย่อมมีความเห็นต่าง แต่ถ้าคุยกันแล้วตกผลึกได้ ความเห็นต่างก็จะค่อยๆ แคบลง นำมาซึ่งข้อสรุปที่ดี

นายพิชัย ตอบคำถามกรณีในฐานะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย ควรจะเป็นอิสระหรือไม่นั้น ท่านอิสระอยู่แล้วในเรื่องนโยบายการเงิน ความอิสระมีมาตลอด ตนคิดว่า สามารถกำหนดและตัดสินด้วยวิจารณญาณ แต่ทั้งหมดจะต้องเป็นนโยบายที่สนับสนุนภาครัฐ

“ไม่ขอตอบว่าปัญหาความขัดแย้งทางความคิดระหว่างนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับผู้ว่าการแบงก์ชาติ จะหมดไปหรือไม่ โดยขอหารือก่อน ส่วนจะมีโปรเจกต์อะไรใหม่ในการช่วยเหลือประชาชน กำลังหา เพื่อทำคู่ขนานไปกับปัญหาเดิม จะต้องทำให้ประชาชนมีส่วนร่วม ถ้าเราสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ เพื่อให้มีแรงช่วยกันขับเคลื่อน จะเป็นวิถีทางที่ดีที่สุด”