สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแอลเจียร์ ประเทศแอลจีเรีย เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ว่า ทำเนียบประธานาธิบดีแอลจีเรียออกแถลงการณ์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เรียกตัวเอกอัครราชทูตประจำกรุงปารีส ให้เดินทางกลับประเทศ "อย่างเร่งด่วนที่สุด" เพื่อการปรึกษาหารือ เนื่องจากทัศนคติของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส "ที่ถือเป็นการก้าวก่าย และแทรกแซงกิจการภายในของแอลจีเรีย" และเป็นการไม่ให้เกียรติทหารแอลจีเรียที่สละชีพเพื่อชาติ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังกระทรวงการต่างประเทศในกรุงแอลจีเรียเชิญเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสเข้าพบ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่รายงานที่ออกมาในเวลานั้น เป็นการที่รัฐบาลแอลจีเรียต้องการประท้วง กรณีกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศสลดโควตาการออกวีซ่า ให้แก่พลเมืองแอลจีเรีย ตูนิเซีย และโมร็อกโก โดยฝรั่งเศสให้เหตุผลว่า กลุ่มประเทศเหล่านี้ "ปฏิเสธความร่วมมือ" ในการรับผู้อพยพผิดกฎหมาย ที่รัฐบาลปารีสต้องการผลักดันกลับไปที่เดิม
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส "ไม่ปฏิเสธ" การที่แอลจีเรียเรียกตัวเอกอัครราชทูตกลับประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นหลังสื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่า มาครงกล่าวในตอนหนึ่งกับทายาทของครอบครัว จากสงครามแอลจีเรีย ที่เป็นการสู้รบระหว่างกองทัพฝรั่งเศสกับกองกำลังเรียกร้องเอกราชของแอลจีเรีย ว่าแอลจีเรียเป็นประเทศที่ "ต้องชำระประวัติศาสตร์" เนื่องจากสิ่งที่ชาวแอลจีเรียรับรู้ตลอดเวลาที่ผ่านมา "ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง เพราะเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อฝรั่งเศส" นอกจากนี้ มาครงยังวิจารณ์ประธานาธิบดีอับเดลมาจิด เทบบูน ผู้นำแอลจีเรียคนปัจจุบัน "ติดหล่มการเมืองที่เหนื่อยยาก"
อย่างไรก็ดี ย้อนกลับไปเมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว รัฐบาลแอลจีเรียเรียกตัวเอกอัครราชทูตกลับจากกรุงปารีส เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการที่สื่อแห่งหนึ่งของฝรั่งเศสผลิตสารคดี เกี่ยวกับการประท้วงต่อต้านรัฐบาล เมื่อปี 2562.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES