เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ สารวัตรแจ๊ะ สว.สส.3 บก.สส.บช.น.พร้อมด้วย น.ส.อาชิรญาณ์ ธนาพีระพงศ์ ทนายความ ได้ยื่นฟ้อง นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดัง ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 5 ล้านบาท กรณี เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ทนายรัชพล ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ใส่ร้ายว่าสารวัตรแจ๊ะ ว่าจับแพะ ติดคุกฟรีปีกว่า

‘สารวัตรแจ๊ะ’ ยื่นฟ้อง ‘ทนายรัชพล’ หมิ่น กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ หรือ สารวัตรแจ๊ะ กล่าวว่า เหตุการณ์คดีนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2563 ช่วงที่ตนลงไปทำคดีน้องชมพู่ ที่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ต่อมาแม่ของเด็กหญิงผู้เสียหายวัย 5 ขวบ เดินทางมาร้องว่าลูกสาวถูกคนร้ายก่อเหตุอนาจาร และศาลได้ออกหมายจับ และดำเนินการจับกุมผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.กกตูม ดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งตนได้ทำไปตามหลักของการสืบสวน ไม่ได้มีการใส่ร้ายหรือกลั่นแกล้งจับกุม ตนมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมให้ศาลพิจารณา แม้คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นจะยกฟ้อง ก็ยกฟ้องด้วยเหตุยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

ต่อมาศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างหลักฐานของโจทก์ได้ จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคสอง จำคุก 2 ปี และเนื่องจากจำเลยมีประวัติความผิดเกี่ยวกับคดีอาญา เป็นเหตุให้เพิ่มโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 2 ปี 8 เดือน

แม้ต่อมาศาลฎีกาจะพิพากษายกฟ้อง ก็ยังยกฟ้องด้วยเหตุแห่งความสงสัย ไม่ได้ยกฟ้องเพราะเห็นว่ามิได้กระทำความผิดโดยศาลวินิจฉัยพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย

พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ หรือ สารวัตรแจ๊ะ กล่าวยืนยันว่า คดีนี้ตนทำไปตามพยานหลักฐาน และจับกุมตามหมายจับของศาล จะไปกลั่นแกล้งทำไม ถ้าคิดว่าผิดจริงก็ดำเนินคดีอาญาได้

“ทุกวันนี้ผมทำงานปกป้องประชาชน ปกป้องคนอื่น ถ้าผมปกป้องตัวเองไม่ได้ ผมจะไปปกป้องคนอื่นได้ยังไง การที่เขากล่าวหาว่าผมพาผู้ต้องหาไปอยู่เซฟเฮาส์ หรือ อุ้มผู้ต้องหา อาจเข้าข่ายกักขังหน่วงเหนี่ยว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทำไมทนายความไม่ดำเนินคดีกับผมฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวในคดีอาญาไปเลย การที่ทนายความโพสต์ข้อความใส่ร้ายผมตอนนี้ต้องการอะไร” สารวัตรแจ๊ะ กล่าว

ด้าน น.ส.อาชิรญาณ์ ทนาย กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจาก สารวัตรแจ๊ะ และชุดสืบสวนไปลงพื้นที่ทำคดีน้องชมพู่ ที่ จ.มุกดาหาร ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ก็ไปเจอว่ามีเหตุการณ์เด็กหญิงถูกอนาจารเกิดขึ้นอีกคดีหนึ่ง จึงได้ขอหมายจับตามกฎหมาย และชุดจับกุมได้จับกุมตามขั้นตอนของศาล และคดีดังกล่าวนี้ ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน แม้ว่าศาลฎีกาจะพิพากษายกฟ้อง แต่ก็ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.227 วรรคสอง ไม่ได้ยกฟ้องเพราะเห็นว่ามิได้กระทำความผิดหรือการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ถ้าพยานหลักฐานที่ปรากฏต่อศาลยังมีข้อสงสัยอยู่ ว่าจำเลยกระทำความผิดจริงหรือไม่ ศาลก็จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย

ดังนั้นที่ศาลฎีกายกฟ้องไม่ได้นั้น ศาลไม่ได้ชี้ชัดว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด แต่ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย และการยกฟ้องแบบนี้ไปยื่นขอเงินชดเชยเยียวยาจากกระทรวงยุติธรรม ก็จะไม่ได้เงินชดเชยด้วย เพราะถือว่าแม้ศาลยกฟ้อง แต่ก็ยังมีเหตุแห่งความสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่ ซึ่งการพูดแบบนี้ถือว่าเป็นการทำลายหลักกฎหมาย และทำลายตำรวจที่กำลังทำงานเพื่อประชาชนอยู่ การมาฟ้องหมิ่นประมาทวันนี้จึงมั่นใจว่าชนะคดีแน่นอน ซึ่งสารวัตรแจ๊ะ จะนำเงิน 5 ล้านบาท ไปช่วยเหลือในการจับกุมคนร้ายต่อไป

ทั้งนี้ ภายหลังทนายความยื่นฟ้องแล้ว ศาลอาญาได้รับฟ้องและนัดไต่สวนมูลฟ้อง วันที่ 2 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

ในวันเดียวกันนี้ ที่ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลนัดชี้สองสถานในคดีที่ นายนริน เชื้อคมตา ชาวบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร อดีตผู้ต้องสงสัยคดีน้องชมพู่ ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติในความผิดฐานละเมิดเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 5 ล้านบาท โดยในวันนี้ นายนริน เดินทางมาพร้อม นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ

นายรัชพล กล่าวว่า สำหรับคดีนี้โดยตำรวจ ซึ่งนำทีมโดย พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สารวัตรกองกำกับการที่ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (สว.กก.3 บก.สส.บช.น.) หรือ “สารวัตรแจ๊ะ“ ได้จับกุมตัว นายนริน ซึ่งเคยเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีน้องชมพู่ แต่ถูกจับในคดีอนาจารเด็ก 5 ขวบ ซึ่งนายนริน ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ถูกนำรูปไปปะปนกับรูปคนอื่นแล้วให้เด็กผู้เสียหายชี้รูป ซึ่งเด็กผู้เสียหายรู้จักนายนรินคนเดียว โดยขั้นตอนมีการนำนายนริน ไปเข้าเซฟเฮาส์ 4 วัน 3 คืน แล้วถูกจับกุมข้อหาอนาจารเด็ก 5 ขวบ ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี

ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เพราะการสอบสวนไม่เป็นไปตามขั้นตอนมีพิรุธ ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน แต่สุดท้ายศาลฎีกายกฟ้อง ทำให้นายนริน ตกเป็นแพะ ต้องติดคุกฟรี 1 ปี 3 เดือน โดยเมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่ผ่านมา นายนริน จึงได้ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียกร้องค่าเสียหาย 5 ล้านบาทที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้

โดยวันนี้ตนและผู้เสียหายจึงเดินทางมาศาลแพ่งกรุงเทพใต้ตามนัดชี้สองสถาน เพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาท ทั้งปัญหาข้อกฎหมาย ปัญหาข้อเท็จจริงในคดี และการกำหนดหน้าที่นำสืบพยานในข้อเท็จจริง กับพนักงานอัยการ ซึ่งรับหน้าที่แก้ต่างให้จำเลย

อย่างไรก็ตาม วันนี้ทางพนักงานอัยการ ซึ่งรับหน้าที่แก้ต่างได้ขอเลื่อน เนื่องจากเอกสารทางคดีอยู่ที่ จ.มุกดาหาร ยังไม่สามารถเตรียมเอกสารได้ทัน ศาลจึงเลื่อนนัดชี้สองสถานไปเป็นวันที่ 10 มิ.ย. เวลา 09.00 น.