เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.ศรีสะเกษ จากสถานการณ์พายุ “เตี้ยนหมู่” ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ส่งผลกระทบทำให้ปริมาณน้ำเก็บกักในอ่างเก็บน้ำทั้ง 16 แห่ง ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเกินความจุเก็บกัก 100% แล้ว จำนวน 12 แห่ง และอีก 4 แห่งมีปริมาณน้ำเกินกว่า 80% แล้ว ขณะที่เขื่อนราษีไศล อ.ราษีไศล พบว่ามีปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ที่ 97.06% ของความจุเก็บกัก ส่วนที่เขื่อนหัวนา อ.กันทรารมย์ พบว่ามีปริมาณน้ำ 160.12% เกินความจุเก็บกักกว่า 60.12%
ประกอบกับมวลน้ำจาก จ.นครราชสีมา ที่ไหลมาตามลำน้ำมูล และมวลน้ำจาก จ.ชัยภูมิ ที่ไหลลงมาตามลำน้ำชี และน้ำจากลำห้วยขะยูง ที่ไหลมาจากเทือกเขาพนมดงรัก ชายแดนไทย-กัมพูชา มาสมทบ ส่งผลทำให้น้ำบริเวณเขื่อนหัวนา ลำน้ำมูล มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและไหลเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำแล้วในช่วงระยะนี้ โดยเฉพาะที่บ้านหัวนา หมู่ที่ 2 ต.หนองแก้ว อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านต่างได้รับผลกระทบนาข้าวถูกน้ำจากลำน้ำมูลบริเวณท้ายเขื่อนหัวนา ไหลเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ไร่นาได้รับความเสียหาย และได้เร่งช่วยกันดำน้ำเกี่ยวข้าวที่จมอยู่ใต้น้ำ โดยใช้เรือในการขนต้นข้าวออกจากที่นาที่ถูกน้ำท่วมขึ้นมาตากแห้ง เพื่อลดความสูญเสีย
ขณะที่ นายณัทเศรษฐ์ ถิรวัฒน์ธนกร ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหัวนา (เขื่อนหัวนา) อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขอแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อยู่ติดกับลำน้ำสายต่างๆในช่วงระยะนี้เฝ้าระวังและเก็บสิ่งของทรัพย์สินมีค่า ขึ้นไว้ที่สูง และให้ใช้ความระมัดระวังให้มาก เนื่องจากกระแสน้ำมวลนี้ค่อนข้างไหลแรง ส่วนพื้นที่ทางการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าว หากได้ระยะเวลาพอที่จะเก็บเกี่ยวได้ให้เร่งเก็บเกี่ยว รวมถึงพืชชนิดต่างๆที่อยู่ติดกับลำน้ำ เพื่อลดความสูญเสีย.