เมื่อวันที่ 26 มี.ค. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยถึงการขยายผลจับกุมบุคคลในเครือข่าย “มันทุกเม็ด” ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบส่งยาเสพติดผ่านพัสดุภัณฑ์จากพื้นที่ภาคเหนือไปให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ โดยได้มอบหมายให้นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. เร่งดำเนินการสืบสวนขยายผลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ซุกซ่อนในรถยนต์กระบะ 1 คัน ในพื้นที่ ต.บ้านดู่ ต่อเนื่อง ต.รอบเวียง อ.เมือง ต่อเนื่องที่ด่านตรวจแม่โถ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนตามแนวชายแดน โดยตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) และชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) เพื่อปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดบริเวณพื้นที่ชายแดน และตนยังได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ บูรณาการความร่วมมือในการสืบสวนปราบปรามร่วมกันอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้ติดตามขยายผลการสืบสวนเครือข่ายการค้ายาเสพติดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากในห้วงเดือน ก.พ.-มี.ค. สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมเครือข่าย “มันทุกเม็ด” จำนวน 2 คดี ในพื้นที่ จ.เชียงราย ประกอบด้วย คดีที่ 1 วันที่ 17 ก.พ. ได้จับกุมนายสุทิน จันเลน กับพวก พร้อมยาบ้า 624,000 เม็ด ส่วนคดีที่ 2 วันที่ 16 มี.ค. จับกุมนายฐปกร จับใจนาย พร้อมยาบ้า 103,650 เม็ด จึงได้สั่งการให้นายปฤณ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด ขยายผลการสืบสวนเครือข่ายดังกล่าว กระทั่งทราบว่าบุคคลในเครือข่ายดังกล่าว เข้ามาเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ จึงมอบหมายชุดปฏิบัติการสืบสวนติดตามพฤติการณ์
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า กระทั่งวันที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมา สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ได้บูรณาการความร่วมมือกับ นบ.ยส.35 (ศอ.ปส.ชน.), ศปข.ศปก.ทบ. กก.สส.ภ.จว.เชียงราย กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ และ บก.สส.ภ.5 จับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายนพอนันต์ โตพงษ์สกุลทอง อายุ 41 ปี ทำหน้าที่ขับรถยนต์ลำเลียงยาเสพติด และนายสมศักดิ์ ปิยะเขตร ทำหน้าที่ขับรถนำทาง พร้อมของกลาง ยาบ้า 300,000 เม็ด ซุกซ่อนในรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน ผต 594 อุบลราชธานี และรถยนต์นำทาง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ สีเทา ทะเบียน 8 กจ 2712 กรุงเทพมหานคร ซึ่งหลังจากนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติอย่างจริงจัง โดยกำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังและเด็ดขาด โดยให้เร่งลดความรุนแรงจากภัยยาเสพติดอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน การจับกุมและการยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด รวมถึงขจัดเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้ขานรับนโยบายและกำหนดทิศทางให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม และหากประชาชนท่านใดมีเบาะแสยาเสพติด สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน โทร. 1386 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.