เมื่อวันที่ 29 ก.ย.  เวลา 14.30 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เดินทางตรวจเยี่ยมและติดตามความพร้อมและกล่าวมอบนโยบายในการแก้ไขและบรรเทาปัญหาอุทกภัย  โดยมีนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รวมถึงผู้แทนจากกรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร และกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เข้าร่วมงานด้วย

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในวันนี้ได้มาเพื่อติดตามสถานการณ์ต่างๆ เพื่อเร่งแก้ไขและบรรเทาสถานการณ์ในพื้นที่ประสบอุทกภัยให้คลี่คลายเร็วที่สุด โดยขอเน้นย้ำให้กรมชลประทานเร่งระบายน้ำโดยไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็ว และต้องร่วมมือประสานงานกันให้ทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคาดการณ์ว่าจะมีพายุเข้ามาอีก ดังนั้น กรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. ต้องเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงต้องแจ้งเตือนให้ทุกหน่วยเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก และเตรียมการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ การกำหนดทิศทางการระบายน้ำ นอกจากนี้ต้องไม่เกิดผลกระทบที่จะทำให้ประชาชนบริเวณท้ายน้ำได้รับความเดือดร้อน โดยมอบหมายให้ สทนช.ประสานการปฏิบัติการคาดการณ์กับกรมอุตุนิยมวิทยาและ สสน. เพื่อติดตามและอำนวยการให้ทุกหน่วยทำงานได้สอดคล้องกัน มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า ทั้งเรื่องการรับพายุและการช่วยเหลือประชาชน

รองนายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับกรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต้องควบคุมการระบายน้ำลงลำน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อลดผลกระทบจากน้ำท่วม โดยให้พิจารณากักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกัน กรมชลประทานต้องบริหารการจัดจราจรน้ำ และการชะลอน้ำเพื่อหน่วงน้ำไม่ให้เกิดผลกระทบรุนแรง โดยการผันน้ำเข้าไปพื้นที่ลุ่มต่ำหรือแก้มลิงต่างๆ  และในส่วนปลายน้ำนั้นให้เร่งระบายออก รวมถึงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประสบภัย กำกับการปฏิบัติแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตลอดจนแผนการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้มีความรัดกุม อีกทั้งเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และที่สำคัญ ทุกหน่วยงานต้องแจ้งข่าวสารให้ประชาชนในระดับหมู่บ้านหรือตำบลได้รับทราบล่วงหน้าถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น และการปฏิบัติของหน่วยงานอย่างชัดเจนด้วย รวมถึงนำผลงานที่ปฏิบัติไปประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ และสนับสนุนการปฏิบัติงานของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำของประเทศ