นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะ (เฟส) ที่ 3 ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยข้อมูลล่าสุดเดือน ก.พ.67 กิจการร่วมค้า CNNC ดำเนินงานถมทะเล พื้นที่ 3 ได้แล้ว 22.01% ใช้เครื่องจักรทางทะเล 71 ลำ และกำลังคน 520 คน ซึ่งในการดำเนินงานมีปัญหาอุปสรรคคือ จำนวนหินที่ใช้ในโครงการฯ และเครื่องจักรไม่เพียงพอ โดยได้แก้ไขปัญหาด้วยการประสานเหมืองหินให้เร่งผลิตหินให้เพียงพอภายในเดือน มี.ค.67 และเพิ่มเครื่องจักรในการก่อสร้างคันหินล้อมพื้นที่ และในส่วนของงานถมทะเลได้เพิ่มเรือเข้ามาช่วยในการขุดลอก

นางมนพร กล่าวต่อว่า กิจการร่วมค้า CNNC​ ได้เร่งรัดงานให้ทันตามแผน โดยภายในวันที่ 7 มิ.ย.67 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดส่งมอบพื้นที่ถมทะเล​ 3 ต้องมีความก้าวหน้าสะสมอย่างน้อย 35.87% เพื่อให้สิ้นเดือน มิ.ย.67 มีความก้าวหน้าสะสม 37.77% ดังนั้นนับจากเดือน มี.ค.นี้ ต้องดำเนินการให้ได้ความก้าวหน้าประจำเดือนอย่างน้อย 4.04% ทั้งนี้กิจการร่วมค้า CNNC มั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบพื้นที่ถมทะเล 3 ได้ทันภายในเดือน มิ.ย.67 และส่งมอบพื้นที่ F1 ของโครงการฯ ให้เอกชนคู่สัญญาได้ภายในปลายปี 68 และกำหนดส่งมอบแล้วเสร็จทั้งโครงการฯ ในปี 69

นางมนพร กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินการสรรหาเอกชนร่วมลงทุนใหม่ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) พ.ศ. 2562 ของท่าเทียบเรือ A5 ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือสำหรับขนส่งรถยนต์ มีความยาวหน้าท่า 527 เมตร และมีขีดความสามารถขนถ่ายรถยนต์ 700,000 คัน/ปี ปัจจุบันบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด เป็นผู้ประกอบการ ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 30 เม.ย.69 โดยภายหลังสิ้นสุดสัญญาต้องดำเนินการเป็นโครงการร่วมลงทุนใหม่ ทั้งนี้ กทท.ได้จัดทำรายงานผลการศึกษา และหลักการโครงการฯ เสนอกระทรวงคมนาคมแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ PPP และรอผลสรุปจากที่ประชุม โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จะแจ้งให้ทราบผลต่อไป

นางมนพร กล่าวด้วยว่า ส่วนโครงการพัฒนาศูนย์กลางการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ (SRTO) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 61 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 600 ไร่ บริเวณถ้าเทียบเรือ B กับ C รวม 6 ราง สามารถจอดรถไฟได้สูงสุด 8 ขบวน รองรับตู้สินค้าสูงสุด 2 ล้าน​TEU ต่อปี ได้มีการจัดทำแผนดำเนินการเพิ่มเติม​ 3 แผน​ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และปริมาณการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ดังนี้ 1. จ้างเหมาบริการรถยกสูง (Reach Stacker) 2 คัน ภายในเดือน เม.ย.67 2. จ้างเหมาเปลี่ยนสายไฟฟ้า (Cable Reel) ของเครนขาสูงแบบติดตั้งบนราง (RMG) 2 คัน (เพิ่มระยะสายจาก 480 เมตรเป็น 600 เมตร) ภายในเดือน ก.ค.68

3. จ้างเหมาสร้าง RMG 2 คัน และยางรถเครนขาสูง (RTG) 4 คัน (จัดหาเครื่องมือระยะที่ 2) หากดำเนินการแล้วเสร็จตามแผน จะสามารถสนับสนุนนโยบายการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง (Shift Mode) จากทางถนนเป็นทางราง เพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์โดยรวมของประเทศให้มีการประหยัดพลังงานมากขึ้น ลดมลพิษ รวมทั้งลดต้นทุนโลจิสติกส์โดยรวมของประเทศให้ต่ำลงอีกด้วย

นางมนพร กล่าวอีกว่า ในส่วนของโครงการท่าเทียบเรือ A หลังจากได้มีการยกเลิกประกาศ กทท. เรื่องให้เรือชายฝั่งที่รับตู้สินค้าขาเข้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ดำเนินการบรรจุตู้สินค้าลงเรือ (Loading Container) ณ ท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66  ส่งผลให้ปริมาณตู้สินค้าใน ทลฉ. ลดลง เพราะเจ้าของตู้สินค้าประสงค์จะขนถ่ายตรง ณ ท่าเทียบเรือระหว่างประเทศ (TLC) เนื่องจากค่าใช้จ่ายถูกกว่า ซึ่ง กทท. อยู่ระหว่างทบทวนอัตราค่าภาระ โครงสร้าง และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป.