สวัสดีค่ะ แฟนๆ “บันเทิงเดลินิวส์” ทุกท่าน เจอกันทุกสัปดาห์กับ “นูน่าเมี้ยน” ที่มาพร้อมคอลัมน์ที่จะพาแฟนๆ ทุกคนมาอัปเดตเรื่องราวของวงการบันเทิง K-Pop นักแสดง ไอดอลเกาหลีในรอบสัปดาห์แบบพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับคอลัมน์เลิศๆ อย่าง “SeoulStation” ซึ่งสัปดาห์นี้ นูน่าจะพาไปพูดถึงเรื่องราวของศิลปินบอยกรุ๊ปมากความสามารถที่เต็มไปด้วยความสดใสและพลังงานอันเหลือล้น พร้อมจะแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงความเป็นไปได้และศักยภาพอันไม่มีที่สิ้นสุดของพวกเขาอย่างวง “TEMPEST” จากทางค่าย Yuehua Entertainment ที่ได้รวบรวมเมมเบอร์ที่มีสีสันต่างกันทั้งหมด 7 คน มาอยู่ด้วยกันประกอบไปด้วยสมาชิกได้แก่ “ลูว์” (LEW), “ฮันบิน” (Hanbin), “ฮยองซอบ” (Hyeongseop), “ฮยอก” (Hyuk), “อึนชาน” (Eunchan), “ฮวารัง” (Hwarang) และ “แทแร” (Taerae)
ซึ่งตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาเดบิวต์ก็นับเวลากว่า 2 ปีแล้ว โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหนุ่มๆ TEMPEST ได้สร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพออกมากอย่างมากมาย พร้อมทั้งประสบความสำเร็จอย่างมากในเวทีระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาได้พิสูจน์การเติบโตด้วยการจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรก “2023 TEMPEST SHOW CON [T-OUR]” ที่กรุงโซล มาเก๊า และญี่ปุ่น เมื่อปีที่แล้วด้วย และเพื่อเป็นการฉลองครบรอบการเดบิวต์ 2 ปีของพวกเขา นูน่าก็จะพาทุกคนไปรู้จักกับพวกเขาให้มากยิ่งขึ้นขึ้นผ่านเส้นทาง การเติบโต และผลงานที่กว่าจะมาเป็น TEMPEST ในวันนี้ บอกเลยว่ายิ่งรู้จักจะต้องยิ่งตกหลุมรักอย่างแน่นอน!
สำหรับชื่อวง TEMPEST มีความหมายว่า “พายุอันแรง” ซึ่งหมายถึงเด็กหนุ่มเหล่านี้จะมากวาดล้างและสั่นสะเทือนวงการ K-Pop ด้วยพลังงานที่สดใส และเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่แข็งแกร่งและทรงพลัง และเมื่อชื่อวงมีความหมายถึงพายุ เหล่าแฟนคลับของวงจึงได้ชื่อแฟนด้อมว่า “iE” (อ่านว่า อาอี) ซึ่งออกเสียงเหมือน eye หรือดวงตา ที่หมายถึง ศูนย์กลางของพายุ เปรียบได้ว่า “แฟนคลับจะเป็นศูนย์กลางของวง TEMPEST เสมอ เหมือนกับดวงตาที่ชัดเจนและอบอุ่นของพายุ” และสื่อถึงความปรารถนาที่จะให้มีแต่สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับ iE อยู่เสมอด้วย การเดบิวต์ของวงตามกำหนดแพลนเดิมถูกกำหนดไว้ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2022 แต่เนื่องจากในระหว่างนั้น สมาชิกทั้ง 7 คนในวง มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก ทำให้พวกเขาต้องพักรักษาตัวก่อน ทางค่ายจึงมีประกาศเลื่อนการเดบิวต์ของวงออกไป จนกระทั่งพวกเขาได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 มีนาคม 2022 ด้วยมินิอัลบั้มชุดแรก “It’s Me, It’s We” กับซิงเกิลเปิดตัวชื่อ “Bad News”
โดยสมาชิกแต่ละคนมีพลังความสดใสทั้งในเพลงและเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่เต็มไปความเฟรช พร้อมทั้งมีโดดเด่น และความสามารถที่แตกต่างกันออกไป
เริ่มต้นที่ “ลูว์” ชื่อจริง “อีอึยอุง” (Lee Eui woong) ตำแหน่งลีดเดอร์ แร็ปเปอร์นำ นักร้องเสริม และนักแต่งเพลงของวง ลูว์ เป็นหนึ่งในสมาชิกวงที่หล่อและคาริสม่าที่โดดเด่นไม่เหมือนใครมาก ๆ แถม Performance ที่ปล่อยออกมาก็ไม่เป็นสองรองใคร ใส่พลังมาแบบไม่ยั้งจริงๆ
ตามมาด้วยพี่ใหญ่ของวง “ฮันบิน” ชื่อจริง “ง็อกง็อกฮุง” (Ngô Ngọc Hưng) ตำแหน่งนักร้องนำและนักเต้นนำของวง ฮันบินนั้นโดดเด่นในเรื่องของการร้องและการเต้นมากๆ อีกทั้งมาพร้อมกับหน้าตาที่หล่อเท่และความสามารถที่จัดว่าปัง Pop up สุดอะไรสุดจริงๆ
ต่อมาที่ “ฮยองซอบ” ชื่อจริง อันฮยองซอบ (Ahn Hyeong Seop) ตำแหน่งนักร้องและนักเต้นของวง ด้วยความหล่อและคาแรกเตอร์ที่มีการยิ้มแย้มดูเฟรนด์ลี่ สดใสเป็นพลังให้แฟน ๆ อยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในไอดอลที่มี Performance บนเวทีที่ดีอยู่เสมอ ทั้งการร้อง การเต้น ทำให้ฮยองซอบเป็นที่รักของแฟนๆ มากมาย
ตามมาด้วยสมาชิกหนุ่มหน้าหวานยิ้มมาก “ฮยอก” ชื่อจริง “กูบนฮยอก” (Koo Bon Hyuk) ตำแหน่งนักร้องหลักของวง ฮยอกเป็นสมาชิกที่มีความสามารถครบครันทั้งร้อง เต้น เพอร์ฟอร์แมนซ์ ถ่ายทอดอินเนอร์ออกมาได้ดีน่าจับตามอง รวมถึงมีการจัดระเบียบร่างกายได้อย่างสวยงามโดดเด่น
มาต่อกันที่ “อึนชาน” ชื่อจริง “ชเวบยองซอบ” (Choi Byeong Seop) ตำแหน่งนักร้องเสริมของวง ที่มาพร้อมใบหน้าที่หวาน แถมยังมีบุคลิกที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดอีกด้วย และเป็นสมาชิกที่สูงที่สุดในวง เขามีความสูงถึง 187.5 ซม. และเขามีความฝันที่อยากจะเป็นไอดอลที่สูงที่สุดอีกด้วย อึนชานเป็นคนที่น่ารัก มีความโดดเด่นในเรื่องของหน้าตาที่สุดคิวท์ แถมยังเป็นคนที่มีนิสัยน่ารักมีความเป็นเด็กน้อยในตัว แต่บอกเลยว่าเมื่อเขาอยู่บนเวทีแล้วนั้น อึนชานจะใส่ Performance แบบจัดเต็มจัดจ้านมาก ทำเอาละสายตาไปไม่ได้เลยทีเดียวเชียว
สมาชิกคนที่ 6 “ฮวารัง” ชื่อจริง “ซงแจวอน” (Song Jae Won) ตำแหน่งแร็ปเปอร์หลัก นักเต้นหลัก และนักแต่งเพลงของวง ซึ่งฮวารังมีความสามารถโดดเด่นในเรื่องของการเต้นเอามาก ๆ แถมยังชอบออกแบบท่าเต้นและเขียนเพลงอีกด้วย
และสมาชิกคนท้าย “แทแร” ชื่อจริง “คิมแทแร” (Kim Tae Rae) ตำแหน่งแร็ปเปอร์และน้องเล็กของวง แทแรเป็นเด็กหนุ่มที่เงียบขรึม แต่มีคาแรกเตอร์ที่ตะมุตะมิ แต่เมื่อเขาได้อยู่บนเวทีแล้วนั้นขออบอกเลยว่าไม่แผ่วเลยเหมือนกัน
ทางด้านผลงานเพลง TEMPEST มีผลงานทั้งหมด 6 อั้ลบั้มด้วยกัน แบ่งเป็น 5 มินิอัลบั้ม และ 1 ซิงเกิลอัลบั้ม โดย มินิอัลบั้มชุดแรก คือ “It’s Me It’s WE” ประกอบไปด้วยแนวเพลงต่างๆ ที่มีทั้งเสน่ห์ความดุดันไปจนถึงแนวเพลงที่มีเสน่ห์ความสดใส มินิอัลบั้มที่ 2 “SHINING UP” ที่มีไตเติลเพลงชื่อว่า Can’t Stop Shining ซึ่งต้องการสื่อถึงแสงที่เมื่อเวลาหมุนเปลี่ยนไปก็ยังคงเดิมเปรียบเสมือนช่วงเวลาเยาว์วัย ที่ต่อให้เวลาผ่านไปก็ยังคงไม่เปลี่ยนผัน มินิอัลบั้มที่ 3 “ON and ON” กับเพลงไตเติลที่มีเพลงชื่อว่า Dragon เป็นแนวเพลง Hybrid Trap ที่มีเสียงและจังหวะเข้มข้นน่าประทับใจ
ตามมาด้วย มินิอัลบั้มที่ 4 “THE CALM BEFORE THE STORM” ที่สื่อถึงเรื่องราวความเงียบสงบในค่ำคืนก่อนที่พายุจะถล่ม โดยไตเติลเพลง Dangerous แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของเทมเพสต์อีกด้วย ต่อมา ซิงเกิลอัลบั้มที่ 1 “Into The TEMPEST” ที่เล่าเรื่องราวของซีรีส์เกี่ยวกับพายุ ซึ่งมาต่อเรื่องราวจากมินิอัลบั้มก่อนหน้านี้ โดยแสดงให้เห็นถึงเรื่องราวของพวกเขาในวัยเยาว์ที่ยังคงไม่ถูกครอบงำ โดยแสดงให้เห็นถึงความสดใสและเต็มไปด้วยเสน่ห์อันเปี่ยมล้นของพวกเขาอีกด้วย
และล่าสุดพวกเขากำลังจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับ มินิอัลบั้มที่ 5 “TEMPEST Voyage” ที่พวกเขาจะสื่อถึงวัยเยาว์ที่เต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคและค่อยๆ เติบโตขึ้นกลายมาเป็น TEMPEST ที่แข็งแกร่งพร้อมเดินทางสู่โลกกว้างเช่นเคย ลูว์ และฮวารัง ที่มีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเพลงสำหรับอัลบั้มมาโดยตลอด ได้เพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยการเพิ่มชื่อของพวกเขาในเนื้อเพลงในครั้งนี้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮวารังได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางดนตรีด้วยการมีส่วนร่วมในเนื้อเพลง “B.O.K” และ “Slow Motion” นอกจากนี้ ฮยอกและแทเรยังได้มีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเพลงสำหรับอัลบั้มนี้ด้วย ทำให้แฟนๆ คาดหวังมากขึ้นอีกด้วย พวกเขาได้รวมเรื่องราวที่ตรงไปตรงมาและการตีความทางดนตรีที่มีเพียง TEMPEST เท่านั้น ที่สามารถบอกเล่าได้ในอัลบั้ม และจะแสดงให้เห็นว่าขอบเขตทางดนตรีของ TEMPEST กำลังค่อยๆ พัฒนาและเติบโตไปเรื่อยๆ เตรียมตัวพบกับการดำเนินเรื่องราวซีรีส์ภาคปิดของ TEMPEST ได้ในการคัมแบ๊กครั้งนี้ในวันที่ 11 มีนาคมนี้ เวลา 16.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
อย่างไรก็ตามผลงานทั้งหมดที่พวกเขาสร้างสรรค์มาตลอด 2 ปี ก็สามารถเข้ายึดครองชาร์ตเพลง และยึดพื้นที่หัวใจแฟนๆ ได้อย่างมากมาย พร้อมถ้วยรางวัลจากรายการเพลงถึง 3 ถ้วย ได้แก่ เพลง “Dragon” จากรายการ Show Champion (ถ้วยรางวัลแรกภายในปีที่เดบิวต์) และเพลง “Vroom Vroom” 2 ถ้วย จากรายการ Show Champion กับ Music Bank (Music Bank รายการเพลงช่องสาธารณะ) รวมถึงความสามารถอันโดดเด่นของหนุ่มๆ ทั้ง 7 คน ทำให้สามารถคว้ารางวัลใหญ่ในงานประกาศรางวัลด้วยเช่นกัน อาทิ รางวัล “The Male New Artist” จากงาน 2022 Genie Music Awards รางวัล “Rookie of the Year Award (Male)” จากงาน 30th Hanteo Music Awards 2022 รางวัล “AAA New Wave Award” จากงาน 2022 Asia Artist Awards รางวัล “AAA ICON AWARD” จากงาน 2023 Asia Artist Awards และ รางวัล “Emerging Artist” จากงาน 31st Hanteo Music Awards 2023
บอกได้เลยว่าการเดินทางตลอดระยะเวลา 2 ปีของพายุลูกนี้ ที่เริ่มต้นจากการเป็นเพียงสายลมอันแผ่วเบา แม้จะมีพลังเพียงเสี้ยวเล็กๆ แต่ด้วยความสามารถอันโดดเด่น และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่ยุดยั้งของสายลมทั้ง 7 ลูกนี้ ที่ต้องการมุ่งหวังจะมาสั่นสะเทือนวงการ K-Pop จนเมื่อพวกเขาได้มารวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว จากสายลมอันแผ่วเบาก็ยกระดับกลายมาเป็นพายุเฮอริเคนลูกโตที่พร้อมพัดพาความสนุกความสดใส และสร้างเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่แข็งแกร่งและทรงพลังโจมตีผู้ชมได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับเติบโตเป็นพายุที่ลูกใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น และโชว์ให้เห็นศักยภาพอันไม่มีที่สิ้นสุด แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งสำคัญที่ทำให้พายุลูกนี้สามารถสร้างความรุนแรงสะเทือนวงการได้ ก็คงจะขาดดวงตาพายุอย่าง “iE” ไปไม่ได้ เพราะ “ถ้าไม่มีดวงตาพายุ พายุลูกนี้ก็คงจะไม่ได้เกิดขึ้นและมีพลังที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้ และเช่นเดียว ถ้าไม่มีพายุคอยโอบล้อมป้องกัน ตาพายุเหล่านี้ก็คงสลายหายไปเช่นเดียวกัน”..
คอลัมน์ “SeoulStation”
โดย “นูน่าเมี้ยน”