อันยองแฟนๆ “บันเทิงเดลินิวส์” ที่น่ารักทุกคน กลับมาพบกับ “นูน่าเมี้ยนฤดี” กันแล้วนะคะ สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง เรียนหรือทำงานเหนื่อยเครียดกันไหม เอาเป็นว่าสัปดาห์นี้เรามาหาอะไรผ่อนคลายสมองกันดีกว่า กับคอลัมน์บันเทิงสุดปังอย่าง “SeoulStation” คอลัมน์ที่จะพาแฟนๆ ทุกคนมาอัปเดตเรื่องราวของวงการบันเทิง K-Pop นักแสดง ไอดอลเกาหลีในรอบสัปดาห์แบบพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สัปดาห์นี้นูน่าจะพาไปพูดถึงเรื่องราวของศิลปินหนุ่มมากความสามารถ “TEN” (เตนล์) หรือ “ชิตพล ลี้ชัยพรกุล” ที่ล่าสุดกำลังจะมีแฟนคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในประเทศไทยที่มีชื่อว่า “2024 TEN FIRST FAN-CON [1001] IN BANGKOK” ณ อิมแพ็ค อารีน่า ในวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2567
ซึ่งหลังจากที่เปิดจำหน่ายบัตรการแสดงกระแสตอบรับก็ปังสุดฉุดไม่อยู่จนบัตรทุกที่นั่งหมดเกลี้ยงทันที จนทางค่ายและผู้จัดอย่าง SM True (เอสเอ็ม ทรู) ได้ประกาศเพิ่มรอบการแสดงในวันเสาร์ที่ 2 มีนาคม 2567 รวมทั้งสิ้น 2 รอบการแสดง ณ อิมแพ็ค อารีน่า และแน่นอนว่าทั้ง 2 รอบการแสดงในประเทศไทยถูกประกาศ “Sold out” เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย ซึ่งปรากฏการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นจากการสนับสนุน ความรัก และความเชื่อใจจากแฟน ๆ ทุกคนที่มีต่อเตนล์ ศิลปินเค-ป๊อปมากความสามารถสัญชาติไทย พร้อมกับส่งผลให้สร้างสถิติอันน่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง นั้นก็คือ “ศิลปินชายเดี่ยวคนแรกของค่าย SM Entertainment” ที่สามารถจัดแฟนคอนเดี่ยว ณ อิมแพ็ค อารีน่าได้สำเร็จ และ “ศิลปินชายเดี่ยวคนแรกของค่าย SM Entertainment” ที่บัตรแฟนคอนเดี่ยว ณ อิมแพ็ค อารีน่า ทั้ง 2 รอบการแสดง จำหน่ายหมดเกลี้ยงทุกที่นั่ง
สำหรับเตนล์ ไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกจากการทำกิจกรรมโปรโมตร่วมกับวงในฐานะสมาชิกของ NCT (เอ็นซีที) และ WayV (เวย์วี) แต่ยังประสบความสำเร็จในฐานะ “ศิลปินเดี่ยว” ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของทักษะการเต้นและการแสดงบนเวทีที่โดดเด่นสะกดทุกสายตา รวมถึงสีสันทางดนตรีเฉพาะตัวที่ละเอียดอ่อนงดงามแต่ทรงพลังและเปี่ยมล้นด้วยความรู้สึก จนได้รับการยกย่องให้เป็น “Artistic Performer” หรือ “ผู้แสดงที่มีศิลปะ” พิสูจน์ได้ผ่านหลากหลายผลงานเพลงโซโล่ บอกเลยว่ากว่าจะมาเป็นเตนล์ในปัจจุบันที่มีทักษะความสามารถทางด้านการเต้นและการแสดงบนเวทีที่โดดเด่น รวมถึงสีสันทางดนตรีเฉพาะตัวที่ละเอียดอ่อนงดงามแต่ทรงพลัง และเปี่ยมล้นด้วยความรู้สึกนั้นไม่ง่ายเลย วันนี้นูน่าก็เลยอยากจะพามาย้อนเส้นทางของ “เตนล์-ชิตพล ลี้ชัยพรกุล” ที่กว่าจะเดินทางมาจุดนี้ได้!!
“ชิตพล ลี้ชัยพรกุล” เกิดวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 ที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย มีชื่อเล่นว่า “เตนล์” ครอบครัวเป็นคนไทยเชื้อสายจีน เตนล์สำเร็จการศึกษาที่ Shrewsbury International School Bangkok โดยจุดเริ่มต้น และแรงบันดาลใจของเตนล์ เตนล์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ตอนที่ผมอายุ 14 หลังจากที่ผมได้ดูหนังเรื่อง “Step Up2” ผมก็อยากเต้นเป็นครับ ผมเลยไปเข้าโรงเรียนสอนเต้นครับ แล้วอาจารย์ก็มาสอนเพลง Sorry, Sorry ของรุ่นพี่ Super Junior ตอนนั้นผมก็เลยรู้ว่า อ๋อ ที่เกาหลีมีนักร้องแบบนี้ด้วย ผมชอบพี่ “ทงเฮ Super Junior” ครับ พี่เขาเต้นและร้องเพลงเก่ง พี่ๆ วง Super Junior เป็นศิลปินแรกที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากไปอยู่ค่าย SM เพราะตอนนั้นผมได้ยินเพลง “Sorry, Sorry” ก็คิดว่าอยากเป็นศิลปินเกาหลีครับ” หลังจากนั้นเมือปี พ.ศ. 2553 “เจมส์-เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์” อดีตเจ้าของสถาบันโรงเรียนดนตรีมีฟ้า ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “สานฝันให้น้องเตนล์ นักเรียนจากหลักสูตร Artist Masterที่ได้เข้าร่วมโครงการ Singer & Dancer Training Program ณ ประเทศเกาหลี โดยผ่านการออดิชั่น ค่าย YG Entertainment ต้นสั่งกัด Big Bang ซึ่งน้องเตนท์ ได้รับการคัดเลือกเป็นศิลปินฝึกหัดในสังกัด YG Entertainment เรียบร้อยแล้ว” แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นเด็กฝึก เพราะที่บ้านอยากให้เรียนก่อน
ต่อมาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2554 เตนล์อายุได้ 15 ปี ได้เข้าแข่งขันรายการ “Teen Superstar” ของไทยภายใต้สเตจเนม “TNT” โดยในตอนออดิชั่นของรายการมีคำถามว่า “ทำไมน้อง TNT ถึงมารายการ Teen Superstar” เตนล์ได้ให้คำตอบว่า “เตนล์คิดว่ารายการนี้ให้โอกาสเด็กทุกวัยครับ และเตนล์คิดว่าถ้าเตนล์ได้เข้ารายการนี้ เตนล์สามารถเป็นศิลปินที่ดังทั่วเอเชียได้ครับ เตนล์อยากทำให้เมืองไทยมีชื่อเสียงโด่งดัง และเตนล์คิดว่าเตนล์ทำได้” แม้ว่าเตนล์จะเป็นผู้ชนะในรายการ และได้รับโอกาสในการเซ็นสัญญากับต้นสังกัด “Starship Entertainment” ของเกาหลีใต้ แต่ครอบครัวของเขายังไม่อนุญาตให้เขาไปฝึกที่เกาหลีใต้ในตอนนั้น ซึ่งหลังจากที่เตนล์ไม่ได้ไปฝึกกับ 2 ค่ายดัง แต่เตนล์ก็ยังคงพัฒนาตัวเองมาอย่างต่อเนื่องด้วยการฝึกร้อง ฝึกเต้นอยู่ตลอดเวลา จนสุดท้ายด้วยใจที่อยากเป็นศิลปินอย่างแท้จริง เตนล์ก็ได้เข้าร่วมกับค่าย SM Entertainment ในปี พ.ศ. 2556หลังจากผ่าน SM Global Audition ในประเทศไทย ซึ่งหลังจากที่เตนล์เข้าร่วมเป็นศิลปินฝึกหัดได้เพียงไม่กี่เดือนเขาได้ถูกแนะนำในฐานะ “SM ROOKIES” ครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2556 ซึ่งเวทีแรกที่ขึ้นโชว์นั้นก็คืองาน “SMTown week” โดยเตนล์เต้นอยู่ริมสุดและมาในชุดเสื้อสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้น แต่ใส่กางเกงเลกกิ้งขายาว
ต่อมาในปี พ.ศ. 2557 เตนล์และกลุ่ม SM Rookies ได้เข้าร่วมรายการ EXO 90 : 2014 และเริ่มได้เต้นเป็นเซ็นเตอร์สลับกับ “แทยง” ครั้งแรกงาน SMTown ที่ไต้หวันในปี พ.ศ. 2558 หลังจากผ่านได้แค่ 1 ปี และงาน “SMRookies Show” ปีเดียวกันเตนล์ก็มีท่อนโซโล่เดี่ยวในเพลงรวมด้วย และในที่สุดเดือนเมษายน พ.ศ. 2559 เตนล์ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะวงบอยแบนด์ “NCT” โดยได้รับการเปิดตัวเป็นกลุ่มแรกในยูนิต “NCT U” ในเพลง “The 7th Sense” ร่วมกับสมาชิกอีก 4 คนได้แก่ แทยง,โดยอง,แจฮยอน และ มาร์ค โดยเตนล์ได้ออกมาโพสต์ข้อความแรกในบอร์ดของ NCT โดยบัญชีผู้ใช้เอ็กซ์ @NCT_TH ได้แปลข้อความโพสต์แรกของเตนล์ไว้ว่า “สวัสดีครับแฟนๆ NCT ผม เตนล์ NCT เองนะครับ วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ? แต่ละวันใช้ไปอย่างมีความสุขหรือเปล่า? สำหรับผมมันเป็นช่วงเวลาดีมากครับ 2016 เดือน 4 วันที่ 9 เพลงแรกของพวกเรา “The 7th Sense” MUSIC VIDEO ได้ถูกปล่อยออกมาให้ทุกคนได้เห็นกัน ผมอยากจะพูดถึงการเดบิวต์ของผมในประเทศเกาหลี ผมขอใช้ภาษาอังกฤษเพราะผมจะสามารถอธิบายในภาษาอังกฤษได้ดีกว่านะครับ เริ่มจากปี 2010 ก่อนที่ผมจะมาเป็นเด็กฝึกหัด ผมรู้ว่าจะไรคือสิ่งที่ผมอยากจะเป็น และประสบความสำเร็จในชีวิต ผมไม่ปฏิเสธความจริงที่ว่าการไล่ตามความฝันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคนแต่ผมอยากจะบอกว่าเมื่อคุณพยายามที่จะประสบความสำเร็จในเป้าหมายของชีวิต บางครั้งคุณอาจจะตกลงมาอย่างแรง และนั้นเป็นเวลาที่คุณต้องเลือกว่าจะนอนอยู่อย่างนั้นหรือลุกขึ้นและก้าวต่อ สำหรับผมผมเลือกที่จะลุกขึ้นและวิ่งต่อไป ตอนนี้สำหรับในปี 2016 ผมได้เดบิวต์ในฐานะเมมเบอร์ของ NCT อย่างแรกผมอยากจะขอบคุณทุกคนที่เชื่อในตัวผมและสนับสนุนผม ผมสัญญาว่าจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อที่จะสามารถแสดงให้เห็นถึงหลายๆ ด้านของผมครับ ขอบคุณครับ NCT ไฟท์ตั้ง!!! – เตนล์”
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2559 เตนล์เข้าร่วมแข่งขันเต้นกับศิลปิน K-POP อื่นๆ ในรายการ “Hit The Stage” ของช่อง MBC และได้รับชัยชนะในการแข่งขันในตอนที่ 6 ของรายการ ในชื่อโชว์ “Uniform” และในปี พ.ศ. 2560 เตนล์ได้เข้าร่วมรายการ “Elementary School Teacher ของช่อง SBS” อีกด้วย ต่อมาในวันที่ 24 มีนาคมปีเดียวกัน ทาง SM Entertainment ได้ปล่อยวิดิโอทีเซอร์เพลงแรกของเตนล์ที่มีชื่อเพลงว่า “Dream in a Dream” และปล่อยมิวสิกวิดีโอในวันที่ 7 เมษายน ซึ่งเป็นเพลงที่ 2 ในโปรเจกต์ “SM Station Season 2” และในวันเดียวกัน SM ได้ออกประกาศว่าเตนล์จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมเพอร์ฟอร์แมนซ์ของบริษัท ในนาม “SM The Performanc” แต่แล้วในปี พ.ศ. 2560 เตนล์ไม่สามารถขึ้นแสดงหรือทำกิจกรรมใดๆ กับวงได้ เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่บริเวณเข่าจากการซ้อมอย่างหนักเพื่อโชว์ในรายการ “Hit The Stage” จนต้องได้รับการผ่าตัดเข่า ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2561 เตนล์ได้ยื่นเอกสารต่อกองทัพทหาร โดยเตนล์จัดอยู่ในทหารกองเกินประเภทที่ 2 จึงทำให้เตนล์ไม่ต้องเกณฑ์ทหารแต่อย่างใด
โดยช่วงที่ผ่าผัดเข่าเตนล์ได้เล่าเหตุการณ์ในช่วงนั้นไว้ว่า “หลังจากเดบิวต์เสร็จเตนล์มีการผ่าตัดขา เพราะว่าเต้นเยอะทำให้ขามีปัญหา ซึ่งเป็นช่วงที่แบบเราคิดว่าจะไปต่อยังไงดี ถ้าสมมุติขาไม่หายจะเต้นได้ไหม แต่ก็โชคดีที่ขาหายปกติ แต่ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่พลิกของเตนล์มากเหมือนกัน เพราะก่อนที่จะผ่าตัดขาซ้อมเต้นอย่างเดียว ไม่ค่อยได้ซ้อมร้องเพลง แต่หลังจากมีการผ่าตัดที่ขา อยู่ดีๆ ผมต้องเรียนรู้ทุกอย่างเลยเตรียมตัวไว้ก่อน ถ้าเต้นไม่ได้งั้นเราต้องร้องให้ได้ ช่วงนั้นก็เลยเป็นช่วงที่เรียนทั้งร้องทั้งเต้นทุกอย่าง เป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุดแต่เป็นช่วงที่ได้อะไรมาเยอะที่สุด”
หลังจากนั้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 SM Entertainment ได้ประกาศโปรเจกต์รวมยูนิตของ NCT ในชื่อว่า “NCT 2018” เพื่อปล่อยอัลบั้ม “NCT 2018: THE EMPATHY” โดยเตนล์ร่วมร้องและแสดงดูเอ็ตในเพลงไตเติลที่ 2 “Baby Don’t Stop” ร่วมกับ แทยง ซึ่งเป็นการคัมแบคอย่างเป็นทางการในฐานะ NCT ในรอบ 1 ปี 10 เดือน และอีกหนึ่งเพลงคือ “Black On Black” และวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2561 เตนล์ได้ปล่อยโซโล่เดี่ยวภายใต้โปรเจกต์ SM Station อีกครั้งในมิวสิกวิดีโอเพลง “New Heroes” (เพลงเดี่ยวเพลงที่ 2 ของเตนล์) ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายของโปรเจกต์ “SM Station Season 2” และได้รับความนิยมและกระแสตอบรับที่ดี จนขึ้นเป็นอันดับที่ 4 ใน “ชาร์ต Billboard’s Word Digital Song Sales” ได้ ซึ่งต่อมาในวันที่ 31 ธันวาคมปีเดียวกัน SM ประกาศว่าจะมีการจัดตั้งกลุ่มบอยแบนด์ใหม่ ซึ่งบริหารโดย Label V ในชื่อว่า “WayV” และประจำที่ประเทศจีน ในวงประกอบด้วย คุน, วินวิน, เตนล์, ลูคัส (ปัจจุบันถอนตัวออกจากวงแล้ว), เฮนเดอรี่, เซียวจวิ้น และ หยางหยาง และพวกเขาเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 ด้วยการเปิดตัวมินิอัลบั้ม “EP, The Vision” มีเพลงไตเติ้ลคือ “Regular” ซึ่งเป็นเพลงเดียวกับที่ใช้ใน NCT 127 แต่เป็นเวอร์ชันภาษาจีน และนับจากนั้นเตนล์ก็ร่วมแสดงและโปรโมตเพลงต่างๆ ร่วมกับสมาชิกของ WayV จนถึงปัจจุบัน
ซึ่งต่อมาในวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 มีการประกาศว่า เตนล์จะเข้าร่วมกับวง “SuperM” ซึ่งเป็น “K-pop supergroup” ที่ SM ร่วมมือกับ “Capitol Records” โดย SuperM เปิดตัวในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 และกลายเป็นกลุ่มเคป๊อปกลุ่มแรกที่ติดอันดับหนึ่งใน “Billboard 200” ด้วยอัลบั้มเปิดตัว โดยสมาชิกที่เข้าร่วมด้วยได้แก่ แทมิน SHINee, แบคฮยอน และ ไค จEXO, แทยง และ มาร์ค จาก NCT 127/NCT DREAM และ ลูคัส จาก WayV หลังจากนั้นเตนล์ ได้ร่วมทัวร์คอนเสิร์ตร่วมกับ SuperM ในยุโรป และ อเมริกา แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงทำให้การทัวร์ต้องหยุดชะงักไปก่อนที่จะได้เริ่มมาทัวร์ในเอเชีย
จากนั้นในปี พ.ศ. 2563 เป็นปีที่เตนล์มีงานเข้ามาเยอะมาก โดยเจ้าตัวบอกว่าถึงจะเหนื่อยแต่ก็สนุก และชอบที่ได้ยุ่งๆ กับการทำงาน ด้วยนิสัยรักในการทำงาน ชอบร้องชอบเต้นและฝึกฝนตัวเองเป็นประจำ ทั้งได้เข้าร่วม “Beyond Live” คอนเสิร์ตรูปแบบออนไลน์ถึง 3 ครั้งได้แก่ SuperM, WayV และ NCT2020 GlobalWave ส่วน Label V ต้นสังกัดของ WayV ได้ปล่อยสตูดิโออัลบั้มแรกของ WayV ชื่อว่า “Awaken The World” โดยมีเพลงไตเติ้ลแทร็กคือเพลง “Turn back Time” ด้าน SM ได้ปล่อยสตูดิโออัลบั้มแรกของ SuperM ที่มีชื่อว่า “Super One” โดยมีเพลงไตเติ้ลแทร็กคือ “One (Monster & Infinity)” และเพลง Pre Release อย่าง “100” และ “Tiger Inside” โดยมียอดขายอัลบั้มรวมกว่า 500,000 อัลบั้ม นอกจากนี้ยังมีการประกาศเปิดตัวโปรเจกต์ “NCT 2020” ภายใต้อัลบั้ม “NCT 2020 Resonance Pt.1&2” มีไตเติ้ลแทร็ก 4 เพลง อัลบั้มละ 2 เพลง โดยเตนล์ได้อยู่ในไตเติ้ลแทร็กของอัลบั้มที่ 2 ทั้ง 2 เพลง ได้แก่ “90’s love” และ “Work it” และ เพลงรวม “Resonance”
ตามมาด้วยปี พ.ศ. 2564 ในวันที่ 10 สิงหาคม เตนล์ได้ปล่อยซิงเกิลเดี่ยวชุดที่ 3ภายใต้โปรเจกต์ SM Station Season 4 ในชื่อ “Paint Me Naked” (เพลงเดี่ยวเพลงที่ 3 ของเตนล์) และในวันที่ 17 สิงหาคม เตนล์ได้ปล่อยเพลงในฐานะยูนิตย่อยของ WayV ในชื่อว่า “WayV-TEN&YANGYANG” ในเพลง “Low Low” ปิดท้ายปีด้วยโปรเจกต์รวมยูนิตของ NCT ที่เตนล์ได้เข้าร่วมบันทึกสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 “Universe” ของ NCT ซึ่งวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 14 ธันวคม ซึ่งเตนล์ได้ปรากฏตัวใน 4 เพลงได้แก่ “OK!” และ “Round&Round” กับ NCT U, “Miracle” กับ WayV และ “Beautiful” กับ NCT 2021 ต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม 2565 เตนล์ได้ปล่อยดิจิทัลซิงเกิลแนวอาร์แอนด์บีแดนซ์ในชื่อ “Birthday” (เพลงเดี่ยวเพลงที่ 4 ของเตนล์) จากโปรเจคต์ “NCT Lab” ซึ่งเป็นโปรเจกต์ย่อยที่แยกออกมาจาก SM Station โดยให้สมาชิก NCT ได้มีส่วนในการร่วมแต่งและสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่ตัวเองอยากทำอย่างเต็มที่ ซึ่งเพลงนี้กลายเป็นผลงานที่หลายคนยกให้เป็นมาสเตอร์พีซของเตนล์เลยก็ว่าได้
และผลงานล่าสุดกับผลงานเดบิวต์โซโล่พร้อมมินิอัลบั้มชุดแรกชื่อว่า “TEN” (เตนล์) ที่รวบรวมเพลงภาษาอังกฤษหลากหลายบรรยากาศทั้งหมด 6 เพลง นำเสนอสีสันของดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีเพียงแค่เตนล์เท่านั้นที่ทำได้ และภาพลักษณ์ที่แตกต่างออกไปในฐานะศิลปินเดี่ยว ซึ่งประกอบด้วยเพลงไตเติลแนวป๊อปแดนซ์ “Nightwalker” และเพลงในอัลบั้มอย่าง Water, Dangerous, ON TEN, Shadow และ Lie With You ซึ่งได้กระแสตอบรับจากแฟนๆ ไปอย่างล้นหลามเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม นอกจากผลงานทางด้านเพลง และดนตรีแล้ว เตนล์ยังได้แสดงความสามารถศักยภาพของตัวเองในหลายๆ ด้าน และได้ทำงานที่หลากหลายมากขึ้น โดยเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เตนล์ได้เป็นพิธีกรในรายการ “Food Truck Battle” รายการวาไรตี้แข่งขันทำอาหารระหว่างศิลปินไทยและศิลปิน K-POP ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เตนล์ได้เป็นเมนเทอร์ และผู้ตัดสินพิเศษสำหรับรอบ “Wild Card” ของรายการประกวดเต้นในประเทศจีน “Street Dance of China Season 4” ส่วนเมื่อในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2565 เตนล์ได้รับการประกาศให้เป็นหนึ่งในหัวหน้าทีมร่วมกับ ซานตะ INTO1, หวังเฟยเฟย Miss A และ“เฉิงเซียว WJSN ในรายการ “Great Dance Crew” ของ “Youku” หลังจากนั้นเตนล์ได้กลับมาร่วมงานกับรายการ “Food Truck Battle Season 2” อีกครั้งในฐานะผู้เข้าแข่งขัน ร่วมกับ หยางหยาง WayV, WOODZ, เจณิสตา พรหมผดุงชีพ, เปรม วรุศ และบุ๋น นพณัฐ และล่าสุด เตนล์ ได้รับเชิญให้ร่วมเป็นหนึ่งในเมนเทอร์ผู้ทรงเกียรติของรายการเซอร์ไววัลชื่อดังระดับอินเตอร์ “CHUANG ASIA THAILAND” เพื่อเฟ้นหาเกิร์ลกรุ๊ปนานาชาติภายใต้มาตรฐานระดับโลก โดยเตนล์ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมและผู้เข้าร่วมรายการ ผ่านทักษะที่โดดเด่นรอบด้าน ทั้งการร้องและเต้นที่ทรงพลัง รวมถึงความเป็นมืออาชีพและไหวพริบที่เป็นเลิศด้วย
รวมไปถึงความสามารถทางด้านศิลปินของเตนล์ ที่ทำให้เขาได้ร่วมออกแบบคอลเล็กชั่นเสื้อผ้ากับแบรนด์ “REPRESENT” ในปี พ.ศ. 2564 และเตนล์ยังได้รับเชิญจากแบรนด์หรู “Saint Laurent” ให้ร่วมงานแฟชั่นทั้งในและต่างประเทศอยู่หลายครั้งอีกด้วย
บอกเลยว่าเส้นทางของ “เตนล์ ชิตพล” เป็นเส้นทางที่ไม่ได้เรียบง่ายและโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เตนล์สามารถเดินทางไปในเส้นทางสายนี้ได้อย่างดีนั่นก็คือ “ความฝัน ความพยายาม และพรแสวง” ที่เขาพกมันมาเต็มกระเป๋า พร้อมกับพลังที่เต็มอันเปี่ยมกับการฝึกฝนอันหนักหน่วงและต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง โยนคำว่า “ท้อ” ทิ้งไปและเปลี่ยนมาเป็น “โอกาส” ในเส้นทางสายดนตรีที่กว้างใหญ่นี้ ซึ่งเตนล์ทำให้หลายคนต้องหยุดและดูการพัฒนาตัวตนของเขา แม้โชคชะตาจะทำให้เขาต้องพยายามมากกว่าคนอื่น แต่ก็ช่างโชคดีเหลือเกินที่เตนล์ไม่เคยเดินบนเส้นทางดนตรีนี้เพียงลำพัง แต่เขายังมีพลังความรัก และการสนับสนุนจากเหล่า “10vely” (ชื่อแฟนคลับเตนล์) ทำให้เขาก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง และยิ่งนานวันเตนล์ก็ยิ่งทำให้เรารู้ว่าเขาได้เปล่งประกายอย่างเข็มแข็งมาโดยตลอด สมกับเป็นเพชรเม็ดงามของวงการจนวันที่ฉายแสงได้อย่างเต็มที่ และไม่ว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่ง “เมนโวคอล” หรือ “เมนแดนซ์” เขาก็สามารถก้าวขึ้นมาสู่แถวหน้าของวงการได้อย่างเต็มภาคภูมิ..
คอลัมน์ “SeoulStation”
โดย “นูน่าเมี้ยน”