เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีตำรวจและฝ่ายปกครองบุกเข้าจับกุมหนุ่มใหญ่ทาสยาเสพติดคลุ้มคลั่งควงมีดพร้าและขวานไล่ทำร้ายคุณยายซึ่งเป็นแม่บังเกิดเกล้าวัย 81 ปี และพี่สาววัย 55 ปี ใช้เวลากว่า 1 ชม. จึงสามารถจับกุมเอาไว้ได้พร้อมด้วยขวาน 1 เล่ม ส่วนคุณยายโดนทำร้ายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยถูกนำส่ง รพ.มหาราช ทั้งแม่และลูก โดยเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายไพฑูรย์ อินทศิลา ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวอาวุโสจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ และยังเป็นอุปนายก (คนที่ 1) ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากคุณยายและลูกสาว จึงนำเสนอข่าวและโพสต์ขอความช่วยเหลือทางเฟซบุ๊ก จนกระทั่ง พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย รอง ผกก.ป. นำกำลังตำรวจและฝ่ายปกครองบุกเข้าช่วยเหลือคุณยายและลูกสาวพร้อมจับกุมชายคนที่คลั่งยาเสพติดทราบชื่อนายมานพ อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของคุณยาย เหตุเกิดในบ้านเลขที่ 131/6 หมู่ที่ 4 ตำบลปากพูน อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา

โดยประชาชนได้ส่งคลิปเหตุการณ์มาให้ทางช่องทางต่าง ๆ ทั้งของนายไพฑูรย์ และภรรยาพร้อมลูกสาว ขอเตือนให้ระมัดระวังตัวเนื่องจากในคลิปดังกล่าวซึ่งมีความยาว 2.22 นาที ในนาทีที่ 1.43 เป็นเสียงพูดด้วยความไม่พอใจของนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่ง ที่มาร่วมในเหตุการณ์จับกุมลูกคลั่งยาไล่ทำร้ายแม่และพี่สาว ข้อความว่า “จับได้แล้วส่งข่าวไปให้ไอ้ฑูรย์กัน ไอ้XXX เดี่ยวกูอีจัดการทีไอ้ฑูรย์นี่” ซึ่งคำพูดดังกล่าวเป็นการข่มขู่คุกคามสื่อมวลชนอย่างชัดเจน และคำว่า “กูอีจัดการที ไอ้ฑูรย์นี่” อาจจะตามดักทำร้ายหรืออุ้มฆ่าก็เป็นได้ เนื่องจากนักการเมืองคนดังกล่าวไม่พอใจในเรื่องดังกล่าว และที่ผ่านมานายไพฑูรย์ ได้ปฏิบัติหน้าที่นำเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมาเพื่อปกป้องช่วยเหลือสุจริตชน สร้างความไม่พอใจให้กับข้าราชการที่รับผิดชอบเกี่ยวข้องที่อาจจะได้รับคำสั่งจากเบื้องบนให้เข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนตามที่นายไพฑูรย์ นำเสนอข่าวก็เป็นได้

นายไพฑูรย์ กล่าวว่า “เรื่องนี้ผมไม่ได้กลัวหรือต้องยุติการทำหน้าที่สื่อมวลชน เพราะที่ผ่านมา 34 ปี คนรู้จักผมในนามแฝง “คนข่าวตัวดำ” ผมได้ทุ่มเทในการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาบนพื้นฐานของประชาชนและสังคมส่วนรวมมาโดยตลอด ยึดมั่นในอุดมการณ์สีบานเย็นมาโดยตลอด เรื่องการข่มขู่คุกคามดังกล่าว ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะหวาดกลัวและไม่กล้าทำหน้าที่ต่อไป แต่ประชาชนได้เห็นคลิปเป็นห่วงว่าผมจะถูกตามปองร้าย อุ้มฆ่า จึงส่งคลิปมาให้ผม ในตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา ผ่านความเป็นความตายสุ่มเสี่ยงชีวิตมามากกว่านี้มากมาย แต่ด้วยความเป็นห่วงผม ประชาชนจำนวนหนึ่งจึงได้ส่งคลิปไปให้ทางภรรยาและลูกสาวผม โดยขอให้ภรรยาและลูกสาวช่วยเตือนผมให้ระมัดระวังตัว

ระวังอันตรายจากคำข่มขู่ที่นักการเมืองคนดังกล่าวที่กล้าประกาศกลางชุมนุมชนให้รู้ว่าเขาไม่พอใจ โกรธแค้นและจะจัดการกับผมที่นำเสนอข่าว ผมจึงต้องออกมาปกป้องเกียรติยศและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามสิทธิในกฎหมาย ขนาดตัวผมเป็นสื่อมวลชนมายาวนานยังโดนขนาดนี้ แล้วต่อไปประชาชนจะอยู่กันอย่างไร นอกจากนี้ในคลิปเดียวกันนาทีที่ 1.10 เขายังพูดว่า “น่าจะยิงหัวคนที่คลุ้มคลั่งให้ได้ไปเสียเลยทีเดียว” เป็นคำพูดที่บ่งบอกถึงจิตใจที่โหดเหี้ยมมาก ๆ โดยผมจะร้องเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี ผบ.ตร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช พร้อมเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป”