เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 12 ก.พ. ที่ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคก้าวไกล ระบุว่าโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลไม่มีแผนสอง เปรียบเสมือนเอาไข่ไปรวมในตะกร้าเดียวกัน ว่า ตนเชื่อว่าเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว ประเทศเรามีนโยบายหลายอย่าง รัฐบาลแถลงนโยบายไปหลายอย่าง ยืนยันว่าไม่ได้ใส่ตะกร้า แต่ถ้าเกิด สส. ของพรรคฝ่ายค้านมีความคลางแคลงใจ ก็จะมีการแถลงข่าวให้ทราบไปเรื่อยๆ เพื่อพูดคุยและชี้แจงให้กระจ่าง ก็อาจจะเป็นความบกพร่องของรัฐบาลที่ไม่แถลง วันที่ 13 ก.พ. จะมีการพูดคุยกันต่อไป ถือเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะเสนอแนะมา หน้าที่ของรัฐบาลก็รับฟัง และไปพูดคุยกัน ไม่ได้มีอะไร เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเราทำอะไรอยู่ อาจจะยังพูดไม่เยอะพอ 

เมื่อถามว่า นายพิธา มองว่ารัฐบาลไม่มีแผนสำรอง นายกฯ กล่าวว่า มันไม่ใช่ ก็เหมือนคำพูดที่ตนพูดไปแล้ว ตนเชื่อว่าเราต้องมีแผนงาน เพียงแต่อาจจะยังพูดไม่พอ ขอบคุณสำหรับคำเตือนและคำแนะนำ เดี๋ยวเราจะไปพูดคุยให้เยอะขึ้น เราให้ความมั่นใจประชาชนอยู่แล้ว และตนเชื่อว่าประชาชนก็มั่นใจว่ารัฐบาลทำเต็มที่ เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว มีหลายเรื่อง ซึ่งเราพยายามทำอยู่อีกหลายเรื่องเต็มไปหมด ก็ดีจะได้เป็นเวทีในการพูดว่าเราทำอะไรไปบ้าง ไม่ได้คิดอะไร 

เมื่อถามต่อว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ในวันที่ 15 ก.พ. นี้ จะมีความคืบหน้าเลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็เดี๋ยวมีประชุม ยืนยันอยากให้ทุกฝ่ายพูดมาให้หมด

เมื่อถามย้ำว่า นายกฯ ต้องการย้ำกับประชาชนหรือไม่ว่า เหตุที่โครงการล่าช้าเพราะต้องทำให้เกิดความรอบคอบ นายกฯ กล่าวว่า ตนว่าทุกคนทราบอยู่แล้วตั้งแต่ตอนต้น บอกว่าเราไม่ฟังความคิดเห็น แต่การฟังความคิดเห็นต้องใช้เวลา เพราะอยู่ในสังคมที่มีความเห็นต่าง เราเองก็ต้องทำให้ทุกฝ่ายสบายใจมากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ เราพยายามรับฟังแล้ว และก็พยายามแก้ปัญหาและอธิบายแล้ว.