นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า เรื่องหนี้เสียเอ็นพีแอลเป็นความท้าทายอย่างมากหลังจากโควิด-19 ระบาดรอบสาม เพราะเข้ามากระทบผู้ประกอบธุรกิจในบางรายที่มีสภาพคล่อง หรือสายป่านระยะสั้นและหลายรายเริ่มน่ากังวล ซึ่งธนาคารพาณิชย์เร่งใช้เครื่องมือที่มีร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประคองลูกหนี้ควบคู่ไปกับประคองธนาคารด้วย ทั้งปรับโครงสร้างหนี้ เลื่อนการชำระหนี้ ลดภาระลูกหนี้ให้ถึงสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ ธปท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งสรุป คาดจะออกมาในเร็วๆนี้ เพื่อปลดล็อกกฎเกณฑ์โครงการพักทรัพย์พักหนี้ ในเรื่องของค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่นเรื่องการโอนทรัพย์ ค่าภาษี ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ซึ่งต้องไม่เกิดขึ้นกับลูกหนี้ โดบพักทรัพย์ พักหนี้ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้าร่วมเพียง 11 ราย คิดเป็น 940 ล้านบาท ส่วนมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูมีอยู่เกือบ 6 หมื่นล้านบาท คิดเป็น เกือบ 2 หมื่นราย

“ภาพรวมธนาคารพาณิชย์มีเครื่องมือหลายส่วนในการลดเอ็นพีแอล เช่นตอนนี้จะเห็นหลายธนาคารเร่งขายทรัพย์ค่อนข้างเยอะ แต่ที่เร่งคือปรับโครงสร้างหนี้เชิงรุกให้กับลูกหนี้ มองว่าจะเป็นหัวใจสำคัญ และยอมรับเอ็นพีแอลมีแรงกดดันสูงขึ้น ลูกหนี้เดือดร้อนมากขึ้น แต่ก็จะประคองไม่ให้เอ็นพีแอลเป็นปัญหาลูกหนี้และธนาคาร ในขณะที่ธนาคารมีทรัพยากรจำกัด การประคองหรือพยุงลูกหนี้นั้น มีต้นทุนที่สูง ทำให้เอ็นพีแอลอยู่ภายใต้แรงกดดันมาก”