นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ตนและนายกัจจกธุเค นลิน รุวันชีวะ เฟอร์นานโด รมว.การค้า พาณิชย์ และความมั่นคงทางอาหาร ของศรีลังกา ได้ร่วมลงนามความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย – ศรีลังกา เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2567  สำนักเลขาธิการประธานาธิบดีศรีลังกา กรุงโคลัมโบ โดยมีนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีศรีลังการ่วมเป็นสักขีพยาน  นับเป็นเอฟทีเอฉบับที่ 15 ของไทย และฉบับแรกภายใต้รัฐบาลนี้ ทำให้ปัจจุบันไทยมี เอฟทีเอ รวมแล้วกับ 19 ประเทศ และ จะมีผลใช้บังคับได้ภายในปีนี้

“ต่อไปนี้ ผมได้เร่งให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จัดสัมมนาประชาพิจารณ์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดการค้าเสรี   และรวบรวมความเห็นจากทุกภาคส่วนก่อนนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป

สำหรับ สาระสำคัญเอฟทีเอไทย – ศรีลังกา ได้เปิดตลาดการค้าสินค้ากว่า 85% ของสินค้าทั้งหมด  โดยทยอยลดหรือยกเว้นภาษีใน 16 ปี และยกเว้นอากรให้ทันที 50%หรือกว่า 4,000 รายการ อาทิ ยานยนต์และชิ้นส่วน ปุ๋ย หนังเทียม เคมีภัณฑ์ เยื่อกระดาษและกระดาษคราฟท์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ปลาซาดีน ปลาแซลมอนกระป๋อง อาหารสัตว์ กุ้งแช่เย็น โคกระบือมีชีวิต และเครื่องเงิน 

สำหรับภาคบริการ ศรีลังกาเปิดให้ไทยเข้าไปถือหุ้นในสาขาบริการได้ถึง 100% ใน50 สาขาย่อย อาทิ บริการโรงแรมและร้านอาหาร ขนส่งทางทะเล นายหน้าและตัวแทนประกันภัย แฟรนไชส์ โทรคมนาคม บริการสิ่งแวดล้อม โฆษณา และให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการ ส่วนภาคการลงทุน ศรีลังกาเปิดให้นักลงทุนไทยเข้าไปถือหุ้นได้100 เปอร์เซ็นต์ ใน 35 สาขา อาทิ แปรรูปอาหาร สิ่งทอ ผลิตยานยนต์ ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตยาและเวชภัณฑ์ การผลิตเครื่องมือทางการแพทย์

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ในปี 66 การค้าระหว่างไทยและศรีลังกามีมูลค่า 415.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปศรีลังกา 291.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากศรีลังกา 124.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ  อาทิ อัญมณีและเครื่องประดับ น้ำมันสำเร็จรูปยาง ผ้าผืน สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องเพชรพลอย อัญมณีเงินแท่งและทองคำ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องจักรไฟฟ้า และแม้ศรีลังกาจะเป็นประเทศขนาดเล็ก มีประชากรเพียง 22 ล้านคน แต่มีจุดเด่นด้านที่ตั้ง ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการขนส่งทางเรือของโลก เชื่อมต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป ประกอบกับเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์