นายผยง  ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทยและประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ประกอบด้วยสมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยว่า  กกร.ได้พิจารณาปรับประมาณการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ปี 64 ลดลงจากเดิมคาดว่า ขยายตัว 0.5-2%  เป็น 0 -1.5%  แต่ปรับเพิ่มการส่งออกจากเดิม 5-7% เป็น 8-10% และคงอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบ 1-1.2% เนื่องจากยังกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในไทยระลอกใหม่ที่รุนแรงและยาวนานขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า 

“กกร.ครั้งนี้ ได้เชิญสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือ(สรท.) สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เข้าร่วมหารือด้วย ซึ่งทุกฝ่ายกังวลการระบาดโควิด-19รอบใหม่ที่รุนแรงขึ้นโดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้าที่จะกระทบกับการท่องเที่ยวตลอดไตรมาส 3 และอาจกระทบแผนเปิดประเทศได้ โดยจุดยืนภาคธุรกิจยังเห็นว่า การเร่งฉีดวัคซีนและจัดหาให้เพียงพอเป็นสิ่งที่รัฐควรดำเนินการโดยเร็ว และควรมีจุดยืนที่ชัดเจนวัคซีนทางเลือกเข็มที่ 3 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติระยะยาว”

พร้อมกันนี้ยังเสนอให้จัดกลุ่มลูกหนี้ที่เป็นเอ็นพีแอล ที่ได้รับผลกกระทบจากโควิด-19 แยกจากลูกหนี้เอ็นพีแอลทั่วไป รวมไปถึงการยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันในปีที่ 1-3 เนื่องจากอยู่ในช่วงเดือดร้อนที่สุด เพื่อช่วยลดภาระให้ผู้ประกอบการ และให้ช่วยเหลือเอสเอ็มอี ภายใต้โครงการฟาสเตอร์ เพลเมนท์ของส.อ.ท. ได้รับการชำระเงินค่าสินค้าได้เร็วขึ้นภายใน 30 วัน ซึ่งจะดำเนินการขยายไปยังเซท 100 และภาคส่วนอื่นๆ ต่อไป เพิ่มจากเดิมที่ได้ดำเนินการเอ็มโอยูไปแล้ว 163 แห่ง 

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ส.อ.ท.เตรียมเสนอคลังเพื่อให้พิจารณาให้บสย.ค้ำประกันเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นเป็น 70% เพื่อให้ฝ่าวิกฤติโควิดไปได้ เพราะตอนนี้ค่อนข้างย่ำแย่ และยังกังวลกรณีที่ปี 65 ไทยจะเป็นเจ้าภาพประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) 2022 ถ้าเรายังฉีดวัคซีนไม่พร้อมก็อาจเสียโอกาสได้ ส่วนกรณีหากถามว่าจีพีดีมีโอกาสติดลบไหมก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐจะคุมโควิด-19 ได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งหากคุมไม่ได้และต้องนำไปสุ่การล็อกดาวน์ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมก็มีโอกาสแต่วันนี้ยังประเมินได้ยากโดยเราประเมินไว้ขณะนี้เลวร้ายสุดคือ 0%

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐต้องเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเร็วที่สุดเพื่อเตรียมความพร้อมเปิดประเทศให้ได้ใน 120 วันซึ่งทางสภาหอการค้าฯเตรียมหารือพบปะกับ 40 CEO และรองประธานส.อ.ท.หรือ 40 ซีอีโอพลัส ในวันที่ 8 ก.ค.นี้เพื่อสรุปถึงมาตรการต่างๆที่จะเตรียมรองรับ และวันที่ 9 ก.ค.จะหารือกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ที่จะเร่งสรุปมาตรการฟื้นฟูเอสเอ็มอี