เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2567 ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ N 407 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ปปง.) พร้อม กมธ. ที่ปรึกษา เลขานุการ ได้ประชุมพิจารณาปัญหาร้องเรียนจากผู้ได้รับความเดือดร้อนกรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินอาคารชุด Than Living ถนนประชาอุทิศ กรุงเทพมหานคร ของบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด มีผู้ได้รับความเดือร้อนประกอบด้วย ผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้อยู่อาศัยในอาคารชุด และบุคคลผู้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ โดยมีผู้แทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมธนารักษ์ กรมที่ดิน ผู้จัดการ และกรรมการนิติบุคคลอาคารชุด รวมไปถึงผู้เสียหาย เข้าเจรจาเพื่อหาทางช่วยเหลือ

การพิจารณาเพื่อหาช่องทางในการช่วยเหลือผู้เสียหายที่มีอยู่กว่า 900 ราย ที่ตกเป็นเหยื่อในคดี ซึ่ง กมธ.ปปง.ยังคงพิจารณา เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรมต่อการเข้ายึดและอายัดทรัพย์ของ “ปปง.” เพราะผู้เสียหายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีของบริษัทกีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ถูกยึดและอายัดทรัพย์สินในเหตุผลทางคดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งผู้เสียหายได้พยายามต่อสู้มากว่า 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2557) และมีความเสียหายเบื้องต้นกว่า 400 ล้านบาท ที่ต้องการเรียกเงินดาวน์คืนจากโครงการนี้ จนมาถึงมือ กมธ.ปปง. ที่ยังคงทำการพิจารณาต่อเนื่อง

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธาน กมธ.ปปง. กล่าวว่า เป็นการประชุม ครั้งที่ 13 ปัญหาร้องเรียนจากผู้ได้รับความเดือดร้อนกรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินอาคารชุดโครงการ Than Living ถนนประชาอุทิศ กรุงเทพมหานคร ของ บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากเจ้าของโครงการอาคารชุดถูกยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีโครงการรับจำนำข้าว จึงได้นำมาพิจารณาต่อเนื่องจากการประชุมครั้งที่แล้ว ผลการพิจารณาร่วมกันเพื่อหาทางช่วยเหลือให้กับผู้ร้องเป็นขั้นตอนในการช่วยเหลือตามกฎหมายให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อได้รับการช่วยเหลือ

“กมธ.ปปง. จึงมีมติร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเปิดโอกาสให้ผู้เสียหายที่เป็นผู้รับเหมารวมถึงผู้เสียหายจากเงินดาวน์อาคารชุดหรือที่ยังโอนไม่ได้ให้ไปยื่นแจ้งสิทธิว่าเป็นผู้เสียหายยัง สำนักงาน ปปง. เพื่อให้มีรายชื่อในการช่วยเหลือ ซึ่ง สำนักงาน ปปง. จะเปิดให้ยืนยันสิทธิใหม่อีกครั้ง และจะมีการออกประกาศให้แจ้งสิทธิภายใน 1 เดือน หลังจากนั้น สำนักงาน ปปง. จะรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายทั้งหมดยื่นต่อศาลผ่านอัยการ เพื่อขอให้มีการเยียวยาผู้เสียหาย เพื่อขอใช้เงินกว่า 600 ล้านบาท ที่ สำนักงาน ปปง. ยึดและอายัด เอาไว้นำมาช่วยเหลือ ดังนั้นจึงขอให้ผู้เสียหายติดตามข่าวจากสำนักงาน ปปง. เพื่อแสดงตัวตามสิทธิที่มี ส่วนกรณีการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดต่อกระทรวงการคลังโดยธนารักษ์ ก่อนจะไปทำการขายทอดตลาด จะทำกันภายหลังจากที่มีการเยียวยาผู้เสียหายตามระยะเวลาที่ได้มีมติในที่ประชุมต่อไป“ นายเลิศศักดิ์ กล่าวในที่สุด