สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะจัดเลือกตั้งสภากรรมการสมาคมฯ ชุดใหม่ วันที่ 8 ก.พ.67 ผู้สมัครชิงนายก 5 คน “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย, “พอลลีน” พยุริน งามพริ้ง, วรงค์ ทิวทัศน์, คมกฤช นภาลัย, ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงอีกไม่ถึง 10 วัน จะถึงวันเลือกตั้งสภาบอลไทย ล่าสุดได้มีหน่วยงานที่เตรียมจัดการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัคร เริ่มจากวันที่ 31 ม.ค.67 เวลา 13.00-15.30 น. ที่โรงแรม อโนมา แกรนด์ จัดโดย THAI SPORT PLUS โดย บริษัท อัพไลท์ สปอร์ต จำกัด ร่วมกับองค์กรสื่อสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย จัดแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับทิศทางของฟุตบอลไทย

จากนั้นวันที่ 2 ก.พ.67 งาน MS DEBATE BALL THAI NEW BEGIN (ก้าวยังไงให้เดินต่อ จัดโดย บริษัท เมนสแตนด์ ครีเอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด หรือ “เมนสแตนด์” เชิญผู้สมัครและตัวแทนนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มาดีเบต ประชันความรู้ และเสนอนโยบายชี้ชะตาวงการฟุตบอลไทย เพื่อกู้ศรัทธาแฟนบอลของทีมชาติไทยที่หายไป ที่ ห้องออดิทอเรียม อาคาร Digital Multimedia Complex มหาวิทยาลัยรังสิต เวลา 12.00-15.15 น.

สำหรับงานแรกนั้น จากกำหนดการที่แจกสื่อมวลชน มีชื่อของผู้สมัคร 4 คน คือ วรงค์, พยุริน, ธนศักดิ์ และ คมกฤช แต่ไม่มีชื่อ “มาดามแป้ง” เต็ง 1 ของการเลือกตั้ง ส่วนงานหลังของเมนสแตนด์นั้น รายงานข่าวระบุว่า ทั้ง 4 คนดังกล่าว ก็จะร่วมงาน และ มาดามแป้ง ก็ไม่ได้ตอบรับเช่นกัน ซึ่งการจัดเวทีประชันวิสัยทัศน์ ที่การกีฬาแห่ประเทศไทย(กกท.) โดย ม.เกษมบัณฑิต มาดามแป้ง ก็ติดภารกิจ ไม่ได้ไป

ด้าน “ป๊อก” วรงค์ ทิวทัศน์ หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า จริงๆ แล้วตนเองไม่ได้อยากขึ้นเวทีดีเบตหากผู้สมัครทั้งหมดไม่ได้มาพร้อมเพรียงกัน แต่จำเป็นต้องขึ้นไปทำให้แฟนบอลชาวไทยได้รับรู้ว่าหากตนได้เข้าไปบริหาร ทิศทางของฟุตบอลไทยจะเป็นอย่างไรในอนาคต การดีเบตคือเวทีหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าคนที่จะมาเป็นผู้นำของวงการฟุตบอลไทยนั้นมีปฏิภาณในการตอบคำถามแค่ไหน เมื่อเจอคำถามยากๆ คำถามที่ไม่ได้เตรียมคำตอบมา จะตอบอย่างไรให้ผู้ฟังรับรู้ความคิดของตัวเองโดยที่ไม่เสียภาพลักษณ์ของตัวเอง หรือส่งผลกระทบต่อองค์กร

“จริงอยู่ที่สโมสรสมาชิกคือผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกว่าใครจะเป็นผู้นำ แต่ว่าฟุตบอลไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้เป็นของสโมสรใด แต่ฟุตบอลคือกีฬามหาชน ฟุตบอลไทยเป็นของคนไทยทุกคน ดังนั้นเราควรให้แฟนบอลได้รับรู้ว่าคนที่จะมาเป็นผู้นำจะพาฟุตบอลไทยไปทิศทางไหน”

“ไม่เพียงแต่แสดงวิสัยทัศน์ของตัวเองเท่านั้น ผู้สมัครแต่ละคนจะได้รู้ถึงแนวคิดของผู้สมัครท่านอื่นด้วย แม้ว่าผู้สมัครรายอื่นจะไม่ชนะการเลือกตั้ง แต่ในอนาคตเขาอาจได้เข้ามาอยู่ในวงการฟุตบอล ผู้ที่ชนะการเลือกตั้งอาจต้องการร่วมงานกับผู้สมัครท่านอื่นได้” นายวรงค์ กล่าว.