เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวถึงกรณีที่ Facebook Reels เผยแพร่คลิปสิงโตอยู่ในรถหรูเปิดประทุน ขับไปตามถนนในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี ส่งผลให้ชาวบ้านนักท่องเที่ยวและคนใช้รถใช้ถนนต่างตกใจ จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการนำสัตว์ดุร้ายมาเลี้ยง และนำมายังแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเกรงว่าจะเกิดอันตรายนั้น

ตรวจสอบ ‘สิงโต’ พบมีไมโครชิพ ลุยแจ้งข้อหาผู้ครอบครองอ่วม!

นายวีระ กล่าวว่า วันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ตรวจสอบคลิปตามที่สื่อออนไลน์ได้มีการโพสต์ไว้ กระทั่งวันเดียวกัน เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ โดยสายตรวจปราบปรามด้านสัตว์ป่า สายที่ 2 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) และหัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่าแหลมฉบัง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีตำรวจท่องเที่ยว 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมตรวจสอบตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทราบว่าสิงโตในคลิปอยู่บ้านพื้นที่หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่ดังกล่าว

นายวีระ กล่าวว่า โดยขณะเข้าไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว มีทนายความแสดงตัวเป็นตัวแทนของ น.ส.ปูเป้ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นผู้แจ้งครอบครองสิงโตตัวที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ โดยทนาย เป็นผู้นำตรวจสอบสิงโตตัวดังกล่าว คณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปทำการตรวจสอบภายในบ้าน พบ Miss Albina สัญชาติยูเครน อยู่ในบ้านพัก เป็นผู้อาศัยและดูแลสิงโต ซึ่ง Miss Albina นำเจ้าหน้าที่สแกนหาไมโครชิพ และพบว่าสิงโตมีสุขภาพแข็งแรงดี อย่างไรก็ตาม กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะส่งสัตวแพทย์เข้าตรวจสอบอีกครั้ง

ทั้งนี้ จากการสอบถามทนายความ ทราบว่า สิงโตดังกล่าว น.ส.ปูเป้ ได้แจ้งขออนุญาตครอบครองไว้แล้ว โดยยื่นคำขอที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และได้แจ้งขออนุญาตนำมาครอบครองที่บ้านเลขพื้นที่หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และแจ้งว่า น.ส.ปูเป้ แจ้งต่อทนายความ จะนำเอกสารการแจ้งครอบครองสัตว์ป่าควบคุมชนิด ก (สิงโต) นำมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ในวันพุธที่ 24 ม.ค. ภายในเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมรอเจ้าของนำเอกสารมาแสดงข้อเท็จจริง อีกทั้งห้ามเคลื่อนย้ายสิงโตออกนอกสถานที่ จนกว่าจะได้รับการตรวจสอบเอกสารการแจ้งครอบครองต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 ม.ค. คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผอ.สำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 นายประเสริฐ สอนสถาพรกุล ผอ.กองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา (CITES) สายตรวจปราบปรามด้านสัตว์ป่า สายที่ 2 ด่านตรวจสัตว์ป่าแหลมฉบัง สัตวแพทย์ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ร่วมตรวจสอบสิงโตและเอกสารการครอบครองสิงโต ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นการต่อเนื่อง จากการตรวจสอบเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ผลการตรวจสอบ สรุปได้ ดังนี้

1. ทนายความ,น.ส.ปูเป้ และ Miss Albina สัญชาติ ยูเครน เป็นผู้นำตรวจสอบสิงโตในบ้านพัก โดยสัตวแพทย์ได้ดำเนินการตรวจสอบหมายเลขไมโครชิพ พบว่าตรงกับเอกสารการแจ้งครอบครองต้นทางของนายกิตต์ จ.นครปฐม ที่เป็นผู้โอน

2. น.ส.ปูเป้ ได้แสดงเอกสารสำเนาการขอโอนย้ายสิงโตเพศเมีย 1 ตัว จากฟาร์มนายกิตต์ นครปฐม ให้ น.ส.สว่างจิต เพื่อมาครอบครองที่บ้านใน จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 66 ซึ่งตรวจสอบแล้วถูกต้องตรงกับเอกสารสำเนาที่ได้มาจาก สบอ.3 แต่การโอนย้ายยังไม่แล้วเสร็จอยู่ระหว่างการดำเนินการโดย สบอ.3

3. น.ส.ปูเป้ ได้ชี้แจงว่านายกิตต์ เป็นผู้ดำเนินการอำนวยความสะดวกให้ทั้งหมด เมื่อได้ซื้อลูกสิงโตแล้ว โดยเป็นผู้ขนส่งมาให้ที่บ้านพัก จังหวัดชลบุรี

4. น.ส.ปูเป้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นักธุรกิจชาวศรีลังกา ได้เช่าบ้านเพื่อเลี้ยงสิงโตดังกล่าว และรถหรูเบนท์ลีย์ที่ปรากฏในสื่อโซเชียล ซื้อแบบผ่อนชำระจากเต็นท์รถ ย่านรามอินทรา กรุงเทพฯ ทาง ตร.ท่องเที่ยวตรวจสอบแล้ว ขณะนี้ชาวศรีลังกาได้เดินทางกลับศรีลังกาแล้ว

5. คณะเจ้าหน้าที่ ได้ดำเนินคดีกับ น.ส.ปูเป้ ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 มาตรา 19 วรรค 1 ฐานครอบครองสัตว์ป่าควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงมีอัตราโทษตามมาตรา 90 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะแจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ที่ครอบครองสิงโตและแจ้งเคลื่อนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อไป

สำหรับ สิงโต เป็นสัตว์ป่าควบคุมที่ต้องแจ้งการครอบครอง ชนิด ก (ดุร้าย) ต้องดูแลรักษาในสถานที่ครอบครองที่แข็งแรงปลอดภัย ห้ามเคลื่อนย้ายก่อนได้รับอนุญาต ทั้งนี้ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการแจ้งและการรับแจ้ง และการครอบครองซึ่งสัตว์ป่าควบคุมและซากสัตว์ป่าควบคุม 2565 “จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ทั้งนี้ การครอบครองสัตว์ป่าควบคุม จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าอย่างเคร่งครัด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนจัดการสัตว์ป่าต่างประเทศ กองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา 0-2561-0777 ต่อ 2912 หรือหากพบการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่า แจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง