บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ส่ง “ไทรทัน” รุ่นท็อป อีก 2 รุ่นย่อยใหม่เข้ามาเสริมพอร์ตรถปิกอัพได้แก่ มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ ไฮเปอร์ พาวเวอร์ เอ็กซ์ทู ทรงพลังด้วยพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร และ ไทรทัน ดับเบิล แค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ อัลตรา เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮเปอร์ พาวเวอร์ กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร

ไทรทันทุกรุ่นพัฒนาใหม่เพื่อตอบโจทย์ความเป็นรถปิกอัพสำหรับคนยุคใหม่ โดยเน้นที่ความสะดวกสบายของห้องโดยสารเทียบเคียงได้กับรถเอสยูวียุโรป พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียม เบาะดีไซน์ใหม่ช่วยโอบอุ้มสรีระลดความเหนื่อยล้าแม้ขับทางไกล ผสานช่วงล่างใหม่แชสซีส์ใหม่ใหญ่ขึ้นและเฟรมใหม่ใหญ่กว่าเดิม (เมกาเฟรม) ขับขี่ที่นุ่มสบายคล่องตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งไทรทัน แอทลีท ดูสปอร์ตโดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน

ขณะที่ ไทรทัน ดับเบิล แค็บ อัลตรา ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติได้รับการออกแบบในสไตล์โฉบเฉี่ยวหล่อเข้มไม่ซ้ำใคร เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ไดมอนด์เซนส์ ที่มาพร้อมกับระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ

ไทรทัน แอทลีท ทั้งในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อและดับเบิลแค็บ อัลตราขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ไดมอนด์เซนส์ ที่มีระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติอันชาญฉลาด ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา, พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน, กล้องมองภาพรอบคัน เป็นต้น ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งหมดนี้ตรวจจับการเคลื่อนที่ของตัวรถและสภาพแวดล้อมด้วยเซ็นเซอร์และเรดาร์ที่ควบคุมด้วยระบบ AI ได้รอบคัน เพื่อความปลอดภัยแบบ 360 องศา

ทั้งยังมีระบบความปลอดภัยอื่น ๆ ที่ช่วยให้ขับขี่ได้ง่ายดายดังใจ เช่น ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน เบรกเอบีเอส ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้ายแบบควบคุมด้วยเบรก เสริมด้วยถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ ไทรทัน แอทลีท ยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮเปอร์พาวเวอร์ เอ็กซ์ทู ซึ่งมีระบบเทอร์โบ 2 สเตจ และระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า ช่วยให้ขับขี่คล่องตัวควบ คุมง่าย โดยคุณสมบัติอันโดดเด่นทั้งหมดนี้เพียบพร้อมอยู่ในไทรทัน แอทลีท ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์ ซีเล็ค โฟร์วีล ไดร์ฟ ทู เจ้าเดียวในตลาดที่มี 4H ฟูลไทม์เสริมด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (AYC)  และ 7 โหมดการขับขี่

โดยไทรทัน แอทลีท ขับเคลื่อน 4 ล้อ และไทรทัน ดับเบิลแค็บ อัลตรา ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ ลุยได้ดีกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อซูเปอร์ ซีเล็ค โฟร์วีล ไดร์ฟ ทูเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ สามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ (4H) ได้ทันทีแม้ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง (Shift-on-the-Fly) เสริมความปลอดภัยให้ขับขี่คล่องตัว พร้อมตะลุยทุกสภาพอากาศและทุกรูปแบบของพื้นผิวด้วย 7 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ, โหมดประหยัดเชื้อเพลิง (Eco), โหมดขับขี่บนทางลูกรังหรือทางฝุ่น, โหมดขับขี่บนพื้นหิมะหรือขณะฝนตกผิวถนนเปียกลื่น, โหมดขับขี่ลุยโคลนหรือผิวทางที่เหนียวลื่น, โหมดขับขี่ตะลุยทรายหรือผิวทางที่ดินร่วน, โหมดไต่หินหรือขับขี่บนผิวทางที่เป็นหินขรุขระแตกต่างอย่างเหนือกว่าด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง

เทคโนโลยีมิตซูบิชิ คอนเนค ใช้งานง่ายสั่งการตัวรถได้จากระยะไกลเพิ่มความอุ่นใจในทุกมิติ เทคโนโลยีเทเลมาติกส์เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างคุณและรถยนต์ซึ่งมีชื่อว่ามิตซูบิชิ คอนเนค ที่ติดตั้งในไทรทัน แอทลีท ทั้งในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อ รวมถึงไทรทัน ดับเบิลแค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ อัลตรา เกียร์อัตโนมัติ สามารถรองรับได้ทั้งระบบ iOS และ Android โดยเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน “My MITSUBISHI CONNECT” เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสั่งการตัวรถได้แบบไร้สายจากระยะไกลใช้งานง่าย ทั้งการเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารได้จากระยะไกล การล็อกและปลดล็อกประตูรถ การค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของตัวรถ การเปิดไฟส่องสว่างและการกดแตรรถ นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจสอบข้อมูลสถานะตัวรถ เช่น ระดับน้ำมันคงเหลือและระยะทางที่วิ่งต่อได้ ความดันลมยาง มีฟังก์ชันความปลอดภัยอื่น ๆ อาทิ บริการช่วยเหลือบนถนน การแจ้งอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ การช่วยเหลือเมื่อรถถูกโจรกรรมและอุ่นใจตลอดเส้นทางด้วยระบบขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS ผ่านตัวรถ

ไทรทันใหม่ รุ่นดับเบิลแค็บ อัลตรา ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ ราคาเริ่มต้น 1.228 ล้านบาท รุ่นแอทลีท ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 1.13 ล้านบาท ส่วนรุ่นแอทลีท ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1.3 ล้านบาท โดยมิตซูบิชิ จะเริ่มส่งมอบลอตแรกได้ในช่วงปลายเดือน ก.พ. ปีนี้.