ขอเชิญฟังการสนทนาธรรมเรื่อง “รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” โดย สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ผศ.อรรณพ หอมจันทร์ กรรมการและวิทยากรมูลนิธิฯ คำปั่น อักษรวิลัย วิทยากรมูลนิธิฯ ดำเนินการสนทนาธรรมโดย ทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล ประธานชมรมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้สนใจศึกษาพระธรรมวินัย วันพุธที่ 17 มกราคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ ห้องประชุมพระพิรุณ ชั้น 2 อาคารที่ทำการสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์

รับฟังทางสถานีวิทยุมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คลื่นความถี่ เอ.เอ็ม. 1107 กิโลเฮิรตซ์และทางสถานีเครือข่ายภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ เอ.เอ็ม. 612 กิโลเฮิรตซ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น เอ.เอ็ม. 1314 กิโลเฮิรตซ์ และภาคใต้ จังหวัดสงขลา เอ.เอ็ม. 1269 กิโลเฮิรตซ์ รับฟังและ รับชมทางสื่อสังคมสถานีวิทยุมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทุกช่องทาง เว็บไซต์ www.​radio.ku.th ยูทูบ : KU Radio Thailand เฟซบุ๊ก : สถานีวิทยุ มก.รับฟังและรับชมทางสื่อสังคมมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ยูทูบ : มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เฟซบุ๊ก : ชมรมบ้านธัมมะ มศพ. วิทยุออนไลน์ บ้านธัมมะ : https://www.dhammahome.com/radio


ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธ เนื่องจากคนไทยนับถือพระพุทธศาสนาตามบรรพบุรุษมาตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ปัจจุบันประเทศที่มีผู้นับถือพระพุทธศาสนาให้การยอมรับว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีผู้บวชเป็นภิกษุกว่า 300,000 รูป มีวัดในประเทศกว่า 40,000 วัด และมีวัดไทยในต่างประเทศกว่า 400 วัด คนไทยส่วนใหญ่ก็เป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนาเพียงแต่ในนามเท่านั้น เพราะไม่ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการฟังธรรมตามกาลหรืออ่านหนังสือธรรมที่ตรงตามพระพุทธพจน์ในพระไตรปิฎก จึงมีการประพฤติปฏิบัติที่ขัดต่อหลักธรรมคำสอนทั้งสิ้นด้วยความไม่รู้ (อวิชชา) และมีความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) ต่างๆ นานา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่เชื่อว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีจริง ไม่เชื่อว่ากรรมมีจริง ไม่เชื่อว่าผลของกรรมมีจริง ไม่เชื่อว่าทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง ฯลฯ


ตราบใดที่ชาวพุทธทั่วไปไม่ได้ศึกษาพระธรรมคำสอน ย่อมไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง การดำเนินชีวิตประจำวันก็ไม่มีความเป็นปกติสุขตามอัตภาพของแต่ละบุคคล มีแต่ความทุกข์ร้อนในสิ่งต่างๆ ที่เกิดจากไฟกิเลส ทั้งความโลภ ความโกรธและความหลง แม้ว่าจะประสบความสำเร็จทางการศึกษา มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน มีลาภ ยศ สรรเสริญ และสุข แต่ก็ยังมีความทุกข์ใจ พึงทราบว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ถึงความจริงอันถึงที่สุด (อริยสัจธรรม) ด้วยพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ พระพุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาเดียวในโลกที่สอนให้รู้ถึงความจริงอันถึงที่สุดว่า ไม่มีตัวตน (อนัตตา) ซึ่งเป็นสภาวธรรมที่เกิดดับตามเหตุปัจจัย บังคับบัญชาไม่ได้


พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุปมาบุคคล 4 จำพวกเปรียบเหมือนดอกบัว 4 เหล่า ได้แก่

  1. อุคฆฏิตัญญูบุคคล เป็นผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยฟังเพียงการยกหัวข้อธรรมขึ้นแสดงเท่านั้น
  2. วิปัญจิตัญญูบุคคล เป็นผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยต้องอาศัยการขยายความแห่งหัวข้อธรรมโดยละเอียด (โดยพิสดาร)
  3. เนยยบุคคล เป็นผู้รู้แจ้งอริยสัจธรรมโดยอาศัยการฟัง การศึกษาบ่อยๆ เนืองๆ ทั้งโดยหัวข้อและโดยการขยายความให้ละเอียดจากกัลยาณมิตรผู้มีปัญญา มีการสอบถาม มีการไตร่ตรอง พิจารณาโดยแยบคาย
  4. ปทปรมบุคคล เป็นผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจธรรมในชาตินั้นได้ แม้ว่าจะได้ฟังมาก ศึกษามาก สอนผู้อื่นมาก เป็นต้น

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม 2 – หน้าที่ 246 ตมสูตร มีข้อความว่า “… บุคคลในโลก 4 จำพวก ได้แก่ บุคคลมืดมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า บุคคลมืดมาแล้ว มีสว่างไปภายหน้า บุคคลสว่างมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า บุคคลสว่างมาแล้ว มีสว่างไปภายหน้า….”