เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า มีสองสามีภรรยาขี่รถจยย.ซ้อนท้ายกันจะไปกรีดยาง ระหว่างทางสามีที่เป็นผู้ขับขี่ได้ถูกสายสายอินเทอร์เน็ตที่ห้อยลงมาอยู่เป็นท้องช้างอยู่กลางถนนสายบางแป้น-หลังเขา หมู่ 9 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เกี่ยวเข้าที่คอได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายกิติศักดิ์ ปานเต้ง อายุ 37 ปี และนางอนงค์ลักษ์ ชุมศรี อายุ 30 ปี สองสามีภรรยาที่ประสบเหตุ ภายหลังแพทย์ทำการรักษาอาการบาดเจ็บก่อนให้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน นายกิติศักดิ์ ได้เปิดให้ดูบาดแผลซึ่งบาดลึกที่คอและเป็นแนวยาว พร้อมกล่าวว่า แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมาถึง 10 วันแล้ว ยังคงมีความเจ็บปวดทั้งภายในและภายนอกบริเวณลำคอ รวมไปถึงบาดแผลยังคงมีเลือดไหลซิบไหลซึมออกมา และตนกับภรรยาก็ยังตกใจและขวัญผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ปกติถนนสายดังกล่าวตนใช้ขับขี่รถจยย.ไปกลับกรีดยางพาราอยู่ทุกวัน วันเกิดเหตุกำลังไปกรีดยางพารา จังหวะเมื่อถึงจุดเกิดเหตุมองไม่เห็นเลยว่ามีสายอินเทอร์เน็ตห้อยลงมาขวางถนนทำให้สายได้ฟาดเข้ากับตัวรถก่อนที่จะมาฟาดและเกี่ยวเข้าที่ลำคอของตน ทำให้รถตนเสียหลักข้ามเลนไป ความรู้สึกตอนนั้นรู้สึกว่ามีเลือดไหลอยู่ที่ลำคอ เจ็บแสบ และหายใจไม่ค่อยออก จากนั้นมีญาติมารับไปส่งโรงพยาบาลนอนรักษาอยู่ 2 คืน อาการโดยรวมก็มีบวมบริเวณลำคอและหลอดลมด้านใน มีบาดแผลลึกจำนวน 2 เส้น วันแรกแพทย์สั่งให้งดอาหาร ประกอบกับมีการอักเสบ และตนกลืนลำบาก

หลังจากเกิดเหตุก็ได้ไปสืบเสาะจนทราบว่าสายดังกล่าวเป็นสายอินเทอร์เน็ตค่ายดังรายหนึ่งที่ลากเข้าไปที่บ้านของชาวบ้านบริเวณดังกล่าว จนรุ่งเช้าหลังจากเกิดเหตุแล้วก็มีเจ้าหน้าที่จากบริษัทอินเทอร์ดังกล่าวมาซ่อมแซมสายที่ขาดภายหลังจากห้อยและเกี่ยวคอตนเข้าแล้ว หลังจากเกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่จากทางบริษัทฯ หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาพูดคุยเพื่อหาทางออก หรือเข้ามาเพื่อดูแลเยียวยาแม้แต่คนเดียว ตนจึงได้ให้ภรรยาไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เขาวิเศษ ไว้แล้วในรุ่งเช้าหลังจากเกิดเหตุ

“ตนอยากให้บริษัทฯ เข้ามาดูแลรับผิดชอบเยียวยากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกเป็นรายต่อไป ไม่ว่ากับใครก็ตาม มันน่ากลัวมาก ความรู้สึกตอนนั้นและตอนนี้หวาดกลัวมาก ทุกวันนี้ขับรถไปกรีดยางพารายังต้องใช้ไฟฉายคาดศีรษะส่องดูบนถนนตลอด เพราะกลัวว่าจะมีสายห้อยลงมาอีก และทุกๆ คืนยังต้องให้ลูกชายมานอนใกล้ๆ เพราะหวาดกลัวหากตนขับขี่ความเร็วสูงกว่านี้คงจะคอขาดเสียชีวิตไปแล้ว” นายกิติศักดิ์ กล่าว