สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ หลังตำรวจจีนดำเนินการสอบสวน บริษัทยักษ์ใหญ่ทางการเงินที่มีหนี้สินมหาศาล ซึ่งประกาศว่าตนเองล้มละลาย โดยมีหนี้ค้างชำระประมาณเกือบ 66,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.28 ล้านล้านบาท)
ตามคำแถลงที่เผยแพร่โดยศาลกรุงปักกิ่ง บนแพลตฟอร์มวีแชท จงจื่อ ยื่นขอชำระหนี้ในคดีล้มละลาย เนื่องจากบริษัทไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดเวลา สินทรัพย์ของบริษัทไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ทั้งหมด และไม่สามารถชำระเงินคืนเต็มจำนวนอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ศาลประชาชนกลางแห่งที่หนึ่ง ประจำกรุงปักกิ่ง พบว่าคำร้องดังกล่าวเป็นไปตามเหตุผลของการล้มละลายที่ระบุไว้ ซึ่งต่อมาในวันที่ 5 ม.ค. ศาลมีคำตัดสินยอมรับคำขอชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจในกรุงปักกิ่ง เปิดการสอบสวนต่อ “ความผิดตามข้อกล่าวหา” ที่ไม่ระบุรายละเอียด พร้อมกับเสริมว่า พวกเขาดำเนินมาตรการกับผู้ต้องสงสัยหลายคนแล้ว
ในช่วงที่อสังหาริมทรัพย์ของจีนเฟื่องฟู ผู้พัฒนาจำนวนมากใช้บริการของจงจื่อ เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับโครงการต่าง ๆ ของพวกเขา แต่บริษัทประสบกับวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ของประเทศในภายหลัง ส่งผลให้จงจื่อ ไม่สามารถชำระเงินคืนนักลงทุนได้ในตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น การล้มละลายของจงจื่อ ยังทำให้เกิดความกลัวว่าจะมีผลกระทบตามมาในวงกว้าง ต่อระบบการเงินของจีน หลังบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ “เอเวอร์แกรนด์” ขาดทุนอย่างหนัก ซึ่งปัญหาข้างต้น ยังส่งผลกระทบต่อภาคส่วนอสังหาริมทรัพย์ และเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง.
เครดิตภาพ : AFP