เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการสับเปลี่ยนกำลังตามแนวชายแดน ซึ่งประเทศเมียนมามีปัญหาภายในประเทศ ขณะที่ประเทศไทยก็อยู่ในช่วงเปิดประเทศ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้สั่งกำชับในเรื่องนี้หรือไม่ว่า การสับเปลี่ยนกำลังเป็นช่วงรอยต่อของสิ้นปีงบประมาณ 2564 ที่จะต้องมีสับเปลี่ยนกำลัง สถานการณ์ในประเทศเมียนมาในปัจจุบันมีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติของเมียนมา เรียกร้องให้โจมตีทหารเมียนมา ซึ่งเสี่ยงต่อการสู้รบตามแนวชายแดน รวมทั้งเรื่องอาวุธสงคราม ซึ่งจะมีเคลื่อนไหวของขบวนการค้าอาวุธสงครามในพื้นที่มากขึ้นด้วย นอกจากนี้จะมีเรื่องการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และยาเสพติด ย้ำว่ารัฐบาลไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาในเมียนมา และพร้อมที่จะดูแลผลกระทบจากการสู้รบทั้งคนไทยที่อยู่ในประเทศตามแนวชายแดน รวมทั้งชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบ โดยมีเตรียมการรองรับไว้แล้ว ทั้งเรื่องสวัสดิภาพและความปลอดภัย มีเตรียมพื้นที่รองรับตามแนวใช้แดนการให้การช่วยเหลือผู้อพยพภัยจากการสู้รบ ยืนยันว่าพร้อมให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม
“เรายังไม่มีการเปิดประเทศ พรมแดนทั้งสองฝั่งยังปิดอยู่ การเข้ามาของเพื่อนบ้านถือเป็นการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ถ้าเราเปิดประเทศแล้วเราก็ต้องดูการคัดกรองมาตรการต่างๆที่จะต้องดำเนินการ เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันที่เคยตกลงกับประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องของแรงงาน ทั้งนี้ จะไปโทษเจ้าหน้าที่อย่างเดียวไม่ได้ผู้ประกอบการเองที่ยังเห็นแก่ได้ ยังมีความต้องการแรงงานผิดกฎหมายเข้ามาทำงาน ฉะนั้นเมื่อมีความต้องการขบวนการผู้นำพาก็ต้องเกิดขึ้น ลักลอบนำแรงงานเข้ามา ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุมได้ตลอดทั้งกัมพูชา เมียนมา และลาว อย่างต่อเนื่อง” พล.ท.คงชีพ กล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีข้อเน้นย้ำและสั่งการ การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ค้าอาวุธสงครามที่มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นจากที่มีการติดตามความเชื่อมโยง และจับกลุ่มได้ พบว่ามีข้าราชการระดับท้องถิ่นเข้าไปเกี่ยวข้อง เช่น ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และมีขยายผลทำให้พบความเชื่อมโยงของบุคคลในหลายวงการ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวนเชิงลึกอยู่ ขณะเดียวกันกำลังสอบสวนดูถึงความเชื่อมโยงอาวุธปืนลูกซองและอาวุธปืนพกของทางราชการที่หายไปด้วย และอาวุธปืนที่ถูกโจรกรรมออกจากกองทัพด้วย ซึ่งกำลังเชื่อมโยงทั้งหมดขบวนการค้าอาวุธ ที่นำอาวุธออกไปนอกประเทศแล้วนำมาสร้างความรุนแรง ทั้งนี้ นายกฯและกระทรวงกลาโหม สั่งเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่มียกเว้น และขอให้ดูเส้นทางทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งให้เพิ่มความระมัดระวังหน่วยงานทางราชการที่มีคลังอาวุธไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหาร และฝ่ายปกครองจะต้องดูเรื่องของความปลอดภัยของคลังอาวุธให้เรียบร้อย และให้สืบลึกไปถึงเส้นทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย
เมื่อถามถึงความเชื่อมโยงที่ระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจหรือไม่ พล.อ.คงชีพ กล่าวว่า มี เป็นทหารที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว เรากำลังสื่อความเชื่อมโยงอยู่ ขอรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจนแล้วจะนำมาเปิดเผยให้ทราบ โดยนายกฯและรมว.กลาโหม ยืนยันไม่เอาไว้ ขบวนการค้าอาวุธที่ไปสร้างความรุนแรง