สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ว่า นายบัมบัง ซูซันโตโน หัวหน้าสำนักงานกรุงนูซันตารา (โอไอเคเอ็น) เชื่อว่า จำนวนเงินดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอันแรงกล้าของบรรดานักลงทุน ที่มีต่อแนวโน้มในการพัฒนากรุงนูซันตารา

จนถึงขณะนี้ กรุงนูซันตารา ได้รับหนังสือแสดงเจตจำนง (แอลโอไอ) จำนวน 330 ฉบับ ซึ่งสัดส่วน 55% มาจากนักลงทุนภายในอินโดนีเซีย ที่มุ่งเน้นการพัฒนาภูมิภาค “แกนแห่งชาติ” อีกทั้งในตอนนี้ สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, จีน และมาเลเซีย เป็นสี่ประเทศที่มีจำนวนแอลโอไอมากที่สุด

ตามข้อมูลสถิติ มูลค่าการลงทุนในโครงการพัฒนากรุงนูซันตาราระยะที่หนึ่ง หรือ เฟสแรก ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 21-22 ก.ย. ที่ผ่านมา อยู่ที่ 23 ล้านล้านรูเปียห์ (ราว 51,000 ล้านบาท) ส่วนเฟสสอง ซึ่งเริ่มในวันที่ 1-2 พ.ย. มีมูลค่าการลงทุนรวม 13.1 ล้านล้านรูเปียห์ (ราว 30,000 ล้านบาท)

เนื่องจากการเริ่มดำเนินโครงการระยะที่สาม เมื่อวันที่ 20-21 ธ.ค. ที่ผ่านมา มีจำนวนเงินทุนรวมมากกว่า 90,000 ล้านบาท โอไอเคเอ็น จึงมองโลกในแง่ดีมากขึ้น เกี่ยวกับความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุน

ปัจจุบัน รัฐบาลอินโดนีเซีย เสนอสิ่งจูงใจต่าง ๆ ให้กับบริษัทที่สนใจลงทุนในเมืองหลวงแห่งใหม่ ซึ่งรวมถึงการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล, ภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้านำเข้า, ภาษีการบริโภคพิเศษ, อากรนำเข้า, ภาษีที่ดิน และค่าธรรมเนียมการก่อสร้าง เป็นเวลา 10 ปี.

เครดิตภาพ : AFP