จากกรณี น.ช.เกรียงไกร วิมลพิมพ์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาคดีจำหน่ายยาเสพติด หลบหนีออกจากเรือนจำจังหวัดนนทบุรี หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้กับเรือนจำ พบว่า น.ช.เกรียงไกร ได้เข้าไปทำงานที่ร้านกาแฟของเรือนจำ ก่อนจะนำขยะใส่รถเข็นไปทิ้งข้างเรือนจำ แล้วหลบหนีขึ้นรถสามล้อเครื่องมุ่งหน้าไปซอยเรวดี และเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนักโทษเป็นชุดนอกแล้วเดินออกปากซอยด้านถนนติวานนท์

ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรี สนธิกำลังตำรวจนนทบุรี สามารถจับกุมตัว น.ช.เกรียงไกร ได้แล้วที่ป้ายรถประจำทางปากซอยประชาชื่น-นนทบุรี ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ก่อนนำตัวกลับมาสอบสวน

ด้าน นายกลยุทธ พานาสันต์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ผู้ต้องขังได้หลบหนีไปจากบริเวณตรงที่ทิ้งขยะ ทราบแรงจูงใจเบื้องต้นว่ามีอาการเครียด แล้วเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบเป็นหลัก โดยเสื้อผ้าที่มีการเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่อยู่ในกองขยะอยู่แล้ว เบื้องต้นจากคำให้การของผู้ต้องขังไม่ได้มีการเตรียมการล่วงหน้าแต่อย่างใด ถ้าเป็นการเตรียมการอุปกรณ์จะไม่ใช่อย่างนี้ และไม่ได้มีเงินติดตัวไป ซึ่งผู้ต้องขังรับโทษมาตั้งแต่ปี 63 แล้วจะพ้นโทษวันที่ 22 มี.ค. ปี 67

ด่วน! ‘นักโทษชาย’ คดียาเสพติดเรือนจำนนทบุรี หลบหนีลอยนวลขณะทำงานกองนอก

โดยผู้ต้องขังมีหน้าที่ล้างจานที่ร้านกาแฟและเอาขยะไปทิ้ง ซึ่งวันนี้เดินไปทิ้งขยะ 3 รอบแล้ว พอดีเหลือบไปเห็นเสื้อผ้าอยู่ในถุงดำในกองขยะพอดี เมื่อถามว่าทำไมถึงอยากหนี ผู้ต้องขังบอกว่าอารมณ์ชั่ววูบ โดยโบกรถรับจ้าง เมื่อไปถึงจุดหมายแล้วได้ไปขอเงินจากคนข้างทาง โดยให้ข้อมูลกับคนที่ให้เงินว่าเป็นผู้ต้องขังที่ถูกปล่อยตัวแล้วและกำลังจะกลับบ้านไปหาพ่อ

สำหรับการจับกุมครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์กับตำรวจนนทบุรี เบื้องต้นก็จะมีการเพิ่มโทษในข้อหาที่หลบหนีการควบคุมตามกฎหมายอีกประมาณ 8 เดือน ส่วนการออกมาทำงานข้างนอกจะเป็นการทำงานตามชั้น เมื่อเขาหลบหนีมีการกระทำความผิดแล้วจะไม่มีชั้น ทางผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก และต้องแยกเป็นเรื่องๆไป คนละบริบทกันกับที่หนีออกจากเรือนจำไปก่อนหน้านี้ ผู้ต้องขังรายนี้ทำงานที่ร้านกาแฟ เป็นผู้ต้องขังชั้นดีที่ออกมาทำงานแล้ว 1 ปี แรงจูงใจจะต่างกัน ซึ่งทางเรือนจำมีมาตรการในการคัดกรองเป็นหลักอยู่แล้ว แต่กรณีนี้เหมือนกับผู้ต้องขังเคยเสพยามา เหมือนกับอารมณ์ชั่ววูบแวบหนึ่งที่อยากจะกลับบ้าน