เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากกรรมการวัดเกตุประภา หมู่ 9 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ว่ามีประชาชนมาขอเป็นประธานถวายกฐินโดยบอกจะนำเงินมาถวายให้จำนวน 1 ล้านบาท เมื่อถึงวันงานกลับไม่มีเงินมาถวายจนเป็นเรื่องเป็นราวถึงขั้นแจ้งความกันหาว่าทางวัดใส่ร้าย หลังทราบเรื่องจึงเดินทางไปที่วัดเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พระครูโสภณ ธรรมมงคล เจ้าอาวาสวัดเกตุประภา เปิดเผยว่า เมื่อประมาณปีพ.ศ.2564 หญิงดังกล่าวที่จะมาขอเป็นประธานกล่าวคำถวายกฐินได้มาร่วมงานและปีนี้มาติดต่อขอเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน พอวันเข้าพรรษาหญิงคนดังกล่าวก็มาติดต่อขอเป็นเจ้าภาพงานกฐินโดยบอกว่า ถ้ามีจะมอบเงินให้ 1 ล้านบาท โดยวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา หญิงดังกล่าวได้เข้ามาที่วัดอีกครั้งบอกว่าเงินยังไม่มีเลย จึงมีการคุยกันโดยมีการเรียกพระและกรรมการมาพูดคุยกันว่า มีมั้ย หากไม่มีต้องหามาให้ได้ เพราะวันที่ 26 พ.ย. เป็นวันงานกฐินแล้ว โดยหญิงดังกล่าวบอกจะหามาให้ได้ กระทั่งวันงานกฐินหญิงดังกล่าวได้เดินทางมาร่วมงานกับทางวัดและบอกว่ายังไม่มีเงินเลย

โดยตนเองบอกว่าให้คุยกับพระและกรรมการก่อน ถึงเวลาทอดกฐินก็ไม่มีเงินมาเลย มีกันมา 3 คน โดยพระจึงบอกกันว่า ให้เป็นกฐินสามัคคีไป พอถึงเวลาทอดกฐินอาตมาก็ไม่ได้อุปโลกน์ว่าใครเป็นเจ้าภาพ อุปโลกน์ว่าผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันทอดกฐินสามัคคีในครั้งนี้ โดยเจ้าตัวไม่มีเงินมา ตนเองจะให้กล่าวได้อย่างไร ซึ่งจนถึงขณะนี้ได้มีการโทรศัพท์ไปหาก็ไม่รับสายเลย โดยเย็นวันทอดกฐินยังรับสายอยู่ กรรมการได้โทรไปหาเพื่อให้มาตกลงกัน โดยตกลงไปตกลงมาเจ้าตัวบอกว่าวันที่ 1 ธ.ค.66 จะนำเงินมาให้แต่ก็ไม่มา แต่ในวันงานกฐินเครื่องกฐินและค่าอาหารหญิงดังกล่าวได้จัดหามาก่อนแล้ว

นายวิรัช ชื่นจรูญ กรรมการวัด เปิดเผยว่า ตนมาทราบเรื่องที่เกิดขึ้นก็วันทอดผ้าพระกฐิน เวลา 10.00 น. วันที่ 26 พ.ย. โดยหญิงดังกล่าวบอกว่าไม่มีเงินมาตนเองยังบอก อ้าว แล้วมาคุยกับเจ้าอาวาสได้อย่างไร ตนยังพูดคุยกับหญิงดังกล่าวว่าพร้อมจะถวายเท่าไหร่ เจ้าตัวบอกว่า 3 แสนบาท โดยจะมาให้ก่อนวันที่ 1 ธ.ค. จำนวน 3 แสนบาท และอีก 7 แสน จะมาให้เดือนกุมภาพันธ์ ตนจึงบอกไปว่าทางวัดไม่เอา เอาแค่ 3 แสนพอ ตนบอกไปว่าถ้าไม่มามันจะเป็นเรื่องราวกันนะจะต้องแจ้งนักข่าวมา โดยหญิงดังกล่าวบอกว่ามาแน่ กระทั่งบ่ายวันที่ 1 ธ.ค. ทราบว่าหญิงดังกล่าวไปแจ้งความหาว่าทางวัดใส่ร้าย ว่าทางหญิงดังกล่าวอมเงินกฐิน

ประกอบกับลูกศิษย์วัดเปิดเจอในเฟซบุ๊กว่าหญิงดังกล่าวมีการเปิดเฟซบุ๊กชักชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญ โดยมีคนโอนเงินจำนวนมาก ก่อนที่เฟซบุ๊กนั้นจะปิดไป หลังจากนั้นเจ้าอาวาสและกรรมการได้เดินทางไปแจ้งตำรวจสภ.ลำลูกกา เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ว่าทางวัดได้มีการจัดเตรียมงานและลงทุนไปหลายอย่าง ค่าใช้จ่ายเกือบ 2 แสนบาท เพื่อรับกฐินแต่พอถึงเวลาหญิงสาวที่อ้างว่าจะนำเงินมาถวาย 1 ล้านบาท เพื่อขอเป็นเจ้าภาพกฐิน แต่พอถึงวันงานกลับไม่มีเงินมาถวาย แถมยังมีการเปิดเฟซบุ๊กเพื่อรับบริจาคซึ่งแสดงถึงเจตนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อผิดสัญญา

ด้านนายนที ชื่นจรูญ กรรมการวัด เปิดเผยว่า ตนเองไม่เคยเห็นบุคคลพวกนี้มาก่อน ส่วนใหญ่จะรู้จักกันกับอาจารย์ อาจารย์เลยรับให้เขาเป็นเจ้าภาพกฐิน ซึ่งหลังจากแจ้งความเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วนั้น ทางตำรวจบอกว่าเดี๋ยวจะเรียกให้มาไกล่เกลี่ยเพราะเป็นคดีแพ่งไม่ใช่คดีอาญา เรื่องที่หญิงดังกล่าวไปเรี่ยไรเพื่อนำเงินมาถวายกฐินส่วนนั้นเราแจ้งไม่ได้ เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิด ส่วนใหญ่ไม่มีใครเขาทำ สายบุญจริงๆ ไม่มีใครเขาทำ วัดไม่ได้เจาะจงว่าต้องเท่านั้นเท่านี้ มีเท่าไหร่ก็ทำ เหมือนเจตนาเอาชื่อวัดไปให้เพื่อนๆ สายมูมาทำบุญกับตัวเขา โดยจะได้เงินเท่าไหร่ตนเองไม่ทราบ ตนเองอยากจะบอกว่าอย่าทำอีกเลย มันบาป ครั้งนี้ทำได้เดี๋ยวครั้งต่อไปก็ทำอีก