หากจะพูดถึงนักแสดงหนุ่ม เพ้นท์-กฤตกานต์ ประสิทธิ์พานิช ทุกคนคุ้นหน้ากันอย่างดีกับผลงานละครช่อง 3 ในบทพ่อหนุ่มแบดบอย กระทิง หนึ่งในตัวละครจาก กลเกมรัก แม้ในเรื่องจะร้าย แต่สาว ๆ ก็ลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ถึงร้ายก็รัก ส่วนชีวิตจริงหนุ่มเพ้นท์เป็นคนขยันทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว ลุยธุรกิจร้านอาหาร วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับผู้ชายคนนี้ให้มากยิ่งขึ้น

ผมรู้สึกว่าการเล่นตัวร้ายมันเหมือนเราได้ปลดปล่อยตัวเองอีกด้านหนึ่งออกมา และรู้สึกว่าการรับบทร้ายมีอะไรให้เล่นเยอะ อย่างตอนเล่นเราก็ไม่ได้คิดว่าเราร้าย เพราะว่าจริง ๆ คนที่เขาเป็นแบบนี้ เขามีเหตุผลของเขาครับ เขาอาจจะโดนกระทำมาเยอะ จนกลายเป็นคนแบบนี้ก็ได้ เลยรู้สึกว่าเราไปตัดสินใครไม่ได้ถ้าเราไม่รู้ว่าจริง ๆ ชีวิตเขาเจออะไรมาบ้าง อย่างตัวละครกระทิงเขาก็ไม่ได้ร้ายอย่างเดียว ยังมีมุมรักพ่อถึงแม้จะไม่ใช่พ่อจริง ๆและพอเห็นคนดูเข้าใจความรู้สึกที่เราสื่อผ่านตัวละครกระทิง เรายิ่งรู้สึกดี และก็ดีใจมากที่ได้ถ่ายทอดบทแนวนี้ หลังจากนี้อยากให้ทุกคนลุ้นว่าบทสุดท้ายกระทิงจะจบยังไง จะช่วยลลิษาไปตลอดไหม หรือจะโดนลลิษาจัดการอีกคน ห้ามพลาดใน กลเกมรัก”

ช่วงนี้ถ้าว่างก็จะเข้ายิมฟิตเนสเลยครับ เพราะว่าตอนนี้พยายามปั้นหุ่นอยู่ คือช่วงที่ถ่ายละครกลเกมรักพี่หนุ่ย ผู้กำกับบอกว่ามีฉากถอดเสื้อเราก็เลยฟิตหุ่นนิดนึงแต่พอถ่ายเสร็จเราก็หยุดไป และพอมาดูละครก็ทำให้รู้สึกอยากกลับไปหุ่นแบบนั้นอีก (หัวเราะ) จริง ๆ เราก็ชอบเล่นกีฬาออกกำลังกายอยู่แล้วด้วย เลยคิดจะกลับมาฟิตหุ่นอีกครั้งครับนิสัยส่วนตัว “ผมเป็นคนง่าย ๆ ชิว ๆ ปกติถ้าไม่ได้มาทำงานก็จะแต่งตัวชิว ๆ ใส่สื้อยืดกางเกงขาสั้นไปข้างนอก ค่อนข้างเรียบร้อยพูดน้อยเป็นคนเอนเนอร์จี้น้อยนิดนึงเวลาที่อยู่เฉย ๆ ไม่ได้เป็นเหมือนในละครแต่ถ้าได้อยู่กับคนสนิทก็ค่อนข้างคุยเก่งเหมือนกันบางทีคุยถูกคอเราก็พยายามหาเรื่องชวนคุยครับ เพื่อนสนิทในวงการ ก็จะสนิทกับ สิงโต สกลรัฐ,พัท กันติพัส, แคร์ วงศ์วชิรา และก็มีอีกหลายคนแล้วแต่ว่าช่วงนั้นเราถ่ายละครเรื่องไหนแต่ล่าสุดที่จะได้เจอกันบ้างคือ พัท กับ สิงโต สองคนนี้สนิทกันมาตั้งแต่ถ่ายละคร สะใภ้เจ้าสัว ก็จะนัดไปกินข้าว นัดไปออกกำลังกายด้วยกันบ้าง อย่างก่อนหน้านี้ก็เพิ่งไปตีแบดด้วยกันมาครับ”

เพ้นท์ เล่าต่อว่า “จริง ๆ เราชอบสัตว์ทุกชนิดเลยครับ แต่รู้สึกว่าหมามีการตอบโต้เหมือนเราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเรามากที่สุดบางทีเวลาไปถ่ายละครเจอหมาจรจัดเราก็ชอบไปเล่นและเอาข้าวไปให้ ทำให้เราเลือกที่จะเลี้ยงหมา ตอนแรกเลี้ยง 2 ตัว ชื่อวิสกี้กับวอสก้า แต่ว่าตัวพี่ที่ชื่อวิสกี้อายุ 9 ปี เสียไปแล้วครับ เหลือตัวน้องที่ชื่อวอสก้า ถ้าดนตรีที่เล่นถนัดที่สุดน่าจะเป็นกีต้าร์ครับจริง ๆ ก็เล่นได้หลายอย่างแต่ว่าอาจจะเล่นได้นิด ๆ แบบแค่พื้นฐาน ตีกลองเล่นเปียโนได้นิดหน่อยและที่เล่นได้เพราะเป็นความใฝ่ฝันที่เราเห็นคนอื่นเล่นดนตรีแล้วมันเท่เราเลยฝึกเล่น แต่ถ้ามีโอกาสหรือเวลาว่าง ๆ ก็อยากจะไปเรียนเปียโนจริงจังเหมือนกันเพราะว่าเป็นอีกความฝันของเรา และตอนนี้ก็มีสะสมกีต้าร์บ้างไม่เยอะ มีประมาณ 5 ตัวคือเราเคยคิดไว้ว่าอยากจะมีกีต้าร์หลาย ๆ ตัว แล้วนำมาแขวนโชว์ แต่ก็โดนที่บ้านบ่นเราเลยพักก่อนครับ”

เอาจริง ๆ เราทำอาชีพนักแสดงอย่างเดียว เรารู้สึกว่ามันไม่มีอะไรการันตีได้แน่นอน เลยมองว่าน่าจะลองหาทำอะไรเพิ่มเติมประจวบเหมาะกับเพื่อนที่บ้านเปิดร้านอาหารคือคุณย่าของเพื่อนขายมาตั้งแต่คุณย่าอายุ 18 เลยครับจนตอนนี้คุณย่าอายุ 60 แล้วคุณย่าขายมาหลายอย่างมาก และก๋วยจั๊บเป็นเมนูที่คนนิยมเราเลยขอสูตรมาเปิดเพิ่ม เรารู้สึกว่าร้านก๋วยจั๊บที่ดี ๆ นั่งในร้านห้องแอร์ บรรยากาศสวย ๆ ยังไม่ค่อยมีเลยคิดว่าน่าจะลองเอาก๋วยจั๊บมาอัเกรดขึ้น และมันเป็นอาหารที่เราค่อนข้างมั่นใจว่าอร่อย แต่ก็มีการลองคิดสูตรเพิ่มอย่างในร้านตอนนี้ก็จะมีก๋วยจั๊บสูตรหม่าล่าด้วย และจริง ๆ ก็มีเพิ่มเมนูใหม่ ๆ เช่น บะหมี่ สุกี้ ยำ ข้าวหมูกรอบ ข้าวหมูสามชั้นตุ๋น และกำลังพยายามคิดอยู่ว่าจะเอาวัตถุดิบที่เรามีมาสร้างเป็นเมนูอะไรขึ้นมาได้อีกครับ การทำร้านอาหารมันยากกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ เพราะเราเริ่มต้นมาตั้งแต่วางแผน คิดออกแบบร้าน หาคนออกแบบหาทีมก่อสร้าง แต่ก็จะมีคุณย่าของเพื่อนมาช่วยลองทำเมนูที่เราคิดอย่างหม่าล่าคุณย่าก็จะช่วยพัฒนาสูตรให้ครับ ตอนแรก ๆ ของการเริ่มธุรกิจก็อาจจะมีเหนื่อยบ้างแต่ว่ากไม่ทำให้เราถอดใจเพราะว่าระหว่างทางมันสนุก ถ้าใครที่ชอบกินอาหารก็อยากให้มาลองทานร้านก๋วยจั๊บโบราณคุณย่าเตือนใจนะครับ

แฟนๆสามารถติดตามข่าวสารรอบโลกได้แล้ววันนี้ที่ www.dailynews.co.th และทุกแพลตฟอร์มของ Dailynews