นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เป็นผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมประชุมหารือรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน–ฮ่องกง ครั้งที่ 5 โดยมีการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน–ฮ่องกง และความตกลงด้านการลงทุนอาเซียน–ฮ่องกง ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วกับทุกภาคีสมาชิก ขณะเดียวกันที่ประชุมยังเห็นชอบให้เพิ่มสาขาความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการอีก 5 สาขา
ได้แก่ มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช มาตรฐาน กฎระเบียบทางเทคนิค กระบวนการประเมินความสอดคล้อง ทรัพย์สินทางปัญญา เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับการอำนวยความสะดวกทางการค้า และการส่งเสริมการลงทุน จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 5 สาขา ได้แก่ พิธีการศุลกากร บริการวิชาชีพ การอำนวยความสะดวกทางการค้า โลจิสติกส์ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
“สาขาความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นมาใหม่นี้จะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจของไทยและอาเซียนในตลาดโลกได้ โดยฮ่องกงจะให้การสนับสนุนงบประมาณ 5 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง เพื่อให้ประเทศสมาชิกอาเซียนได้จัดทำโครงการเพื่อพัฒนาศักยภาพและสามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงฯ ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งในปี 64 มีโครงการที่ผ่านการอนุมัติ 8 โครงการ เป็นโครงการจากไทยโดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมร่วมกับสถาบันอาหาร 1 โครงการ คือ โครงการอบรมเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในห่วงโซ่อุปทานอาหาร
นายสรรเสริญกล่าวว่า ภาคีสมาชิกยังได้เร่งเจรจาหาข้อสรุปในประเด็นที่อยู่ในแผนเจรจาเพิ่มเติม เช่น กฎเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงเอฟทีเอ และข้อบทด้านการลงทุน เป็นต้น โดยมั่นใจว่าความตกลงทั้ง 2 ฉบับจะเป็นกลไกสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาคภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงจะช่วยขยายการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับฮ่องกง เนื่องจากฮ่องกงได้ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอาเซียนทุกรายการแล้ว ขณะที่ในด้านการค้าบริการนั้น ฮ่องกงเปิดตลาดให้อาเซียนมากกว่าที่ผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลก และได้เปิดตลาดให้ไทยตามที่เรียกร้อง เช่น บริการด้านการผลิตเนื้อหารายการแก่ผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสาขาที่ผู้ประกอบการไทยมีความเชี่ยวชาญ